พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 13 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Wednesday June 13, 2018 13:45 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 13 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 71/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออก ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. ทั่วทุกภาคของประเทศจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ตลอดช่วง

คำเตือน ระยะนี้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรเตรียมป้องกันไม่ให้มีน้ำท่วมขังในแปลงปลูก เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้ ส่วนแปลงนาข้าวที่อยู่ในระยะกล้า ชาวนาควรเสริมคันนาและระบบระบายน้ำออกจากแปลงนา เพื่อป้องกันน้ำท่วมต้นกล้าเมื่อเกิดฝนตกหนัก
  • สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ในที่ลุ่ม ควรยกพื้นคอกสัตว์ให้สูง ดูแลหลังคาโรงเรือนไม่ให้รั่วซึม เพื่อป้องกัน สัตว์เปียกชื้น และเป็นโรคได้ง่าย เช่น โรคคอบวมในโคและกระบือ โรคหวัดในสัตว์ปีกและสุกร เป็นต้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ40-60 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเหมาะแก่การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้างในข้าวโพด และพืชผักสวนครัว โรคหัวมันเน่าในมันสำปะหลัง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกหากพบต้นที่แสดงอาการของโรคให้รีบกำจัด
  • ในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาคซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับกล้าข้าวที่กำลังเจริญเติบโต บริเวณที่มีฝนตกหนักเกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ด้านการเกษตรในระยะต่อไปด้วย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ40-60 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนน้อย
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเสริมขอบบ่อ ให้ดูมั่นคงแข็งแรงเพื่อป้องกันน้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อเพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกใหม่ควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย.มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่งสวนผลไม้ที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน รวมทั้งระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า และโคนเน่า ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว ควรระวังป้องกันโรคผลเน่าในทุเรียน เงาะ และลองกอง เป็นต้น
  • ระยะนี้ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 15-19 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้วามเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 15-19 มิ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดพังงาลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85%

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงวันที่ 15-19 มิ.ย. จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรดูแลระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • เกษตรกรที่ปลูกกาแฟและยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิมในกาแฟ โรคโรครากขาว และโรคเส้นดำ ในยางพารา เป็นต้น หากพบโรคดังกล่าวควรรีบควบคุมโรค เพื่อไม่ให้ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรระวัง ป้องกันโรคผลเน่าในทุเรียน เงาะ และลองกองเป็นต้น รวมทั้งการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนที่จะ
กัดกินทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย
  • ระยะนี้บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมง

ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 13-19 มิถุนายน 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนมิถุนายน (ในช่วงวันที่ 1-12 มิ.ย.) ประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสม 25-150 มม. เว้นแต่บริเวณด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกตอนล่าง และตอนบนของภาคใต้ฝั่งตะวันตก ที่มีปริมาณฝนสะสม150-400 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสม 5-100 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่บริเวณด้านตะวันตกของประเทศไทย และภาคตะวันออกตอนล่าง ที่มีปริมาณฝนสะสม 100-200 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนมากมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 20-30 มม. โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมสูงกว่าบริเวณอื่น

สมดุลน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก คือ 1 - 150 มม. เว้นแต่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ตอนล่าง ที่มีค่าสมดุลน้ำสมเป็นลบ คือ (-1) – (-30) มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายงานฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วง 7วันข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 15-19 เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และควรขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำ อย่าให้ตื้นเขิน น้ำไหลได้สะดวก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงเพาะปลูก นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ