พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 12 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Monday November 12, 2018 14:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 12-18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 136/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนต่อเนื่อง ส่วนในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 12-15 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อน ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างใกล้กับเกาะบอร์เนียวเคลื่อนตัวผ่านประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางจะเคลื่อนเข้ามาใกล้บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง

คำเตือน ในช่วงสัปดาห์นี้ ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากฝนที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 15-18 พ.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ในระยะนี้ไว้ด้วย

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 12-13, 17-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงวันที่12 – 15 พ.ย. จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 17 – 18 พ.ย.อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง และได้รับความอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ระยะนี้อากาศเย็นและชื้น กับมีหมอกในตอนเช้า ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะบริเวณที่มีการปลูกพืชใกล้ชิดกันมากหรือปลูกพืชในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทน้อย จะทำให้เชื้อราเข้าทำ ลายได้ง่ายเกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เมื่อพบการระบาดของโรคพืช ควรรีบควบคุมก่อนระบาดไปยังต้นอื่นๆ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 12-16 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่17-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 17 – 18 พ.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองและอุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียสเกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง และได้รับความอบอุ่นเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อยเกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าวและหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 12-16 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ปริมาณฝนเริ่มลดลงกับมีอากาศเย็นและชื้นในตอนเช้าเหมาะแก่การระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผักต่างๆ ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน หากเกษตรกรต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วชนิดต่าง ๆ เป็นต้น

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 12-16 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานหากเกษตรกรต้องการปลูกพืชในระยะนี้ ควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อย เนื่องจากปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อยลงในช่วงฤดูหนาว
  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีฝนน้อย ไม้ผลที่อยู่ในระยะพักตัวเพื่อสะสมอาหาร ชาวสวนควรงดให้น้ำเพื่อให้ต้นพักตัวเร็วขึ้น และช่วยเร่งให้มีการสร้างตาดอก รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดสวน และใต้ทรงพุ่ม เพื่อให้ดินใต้ทรงพุ่มแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดโรคแมลงที่มีระบาดในระยะนี้ เช่น ด้วงกรีดใบ และเพลี้ยชนิดต่างๆ เป็นต้น

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานหากเกษตรกรต้องการปลูกพืชในระยะนี้ ควรปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และใช้น้ำน้อย เนื่องจากปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อยลงในช่วงฤดูหนาว
  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีฝนน้อย ไม้ผลที่อยู่ในระยะพักตัวเพื่อสะสมอาหาร ชาวสวนควรงดให้น้ำเพื่อให้ต้นพักตัวเร็วขึ้น และช่วยเร่งให้มีการสร้างตาดอก รวมทั้งควรกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดสวน และใต้ทรงพุ่ม เพื่อให้ดินใต้ทรงพุ่มแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดโรคแมลงที่มีระบาดในระยะนี้ เช่น ด้วงกรีดใบ และเพลี้ยชนิดต่างๆ เป็นต้น

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และในช่วงวันที่ 15 -18 พ.ย.จะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังโคนต้นพืชโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม เกษตรควรจัดระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ในช่วงที่มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน เช่น โรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล โรคหน้ากรีดยางในยางพารา และโรคราสีชมพูในลองกอง เป็นต้น
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันสัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายรวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานานเพราะจะทำ ให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายโดยเฉพาะสัตว์เท้ากีบ เช่น โคและกระบือ เป็นต้น อาจป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 12-18 พ.ย. 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนพฤศจิกายน (ช่วงวันที่ 1-11 พ.ย.) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เป็นส่วนใหญ่สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 25-300 มม. โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกของภาคที่มีปริมาณฝนสะสม 100-300 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ 5-11 พ.ย.) ประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 25-300 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ทางตอนบนของภาคที่มีปริมาณฝนสะสม 300-400 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 20-25 มม. เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้านตะวันออกที่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 25-30 มม.

สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นลบ คือ (-1) - (-30) มม. เว้นแต่บริเวณภาคเหนือตอนบนที่มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก คือ 1-40 มม. สำหรับภาคใต้มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก คือ 10–400 มม. โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคมีค่าสมดุลน้ำสะสมสูงกว่าบริเวณอื่นๆ

คำแนะนำ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและฝนหนักบางพื้นที่ กับมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชตามความเหมาะสม และควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของต้นพืช ทำให้ผลผลิตเสียหายได้ สำหรับภาคใต้จะคงมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกของภาค ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และจัดระบบระบายน้ำบริเวณแปลงปลูกพืชให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูกเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ