พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ข่าวทั่วไป Wednesday December 12, 2018 14:32 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 10 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 148/61

การคาดหมายลักษณะอากาศ วันที่ 10 ธ.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา วันที่ 10 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตก ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค.บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 10-16 ธ.ค. ขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และเกษตรกรบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะที่ฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 10-12 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับ บริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในวันที่ 13-16 ธ.ค. มีอากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเชลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็น โดยในช่วงวันที่ 13 – 16 ธ.ค.อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอ ป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับอากาศเย็นและชื้นในตอนเช้า เป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะบริเวณที่มีการปลูกพืชใกล้ชิดกันมากหรือปลูกพืชในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทน้อย จะทำให้เชื้อราเข้าทำลายได้ง่าย เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก เมื่อพบการระบาดของโรคพืช ควรรีบควบคุมก่อนระบาดไปยังต้นอื่นๆ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

วันที่ 10 ธ.ค. มีอากาศเย็นในตอนเช้า และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. อากาศเย็นและมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเชลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้มีอากาศหนาวเย็น โดยในช่วงวันที่ 11 – 16 ธ.ค.อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอ ป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยง เนื่องจากในช่วงที่อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิน้ำจะลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารน้อยลง เกษตรกรควรลดปริมาณอาหารที่ให้เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำในบ่อเลี้ยง
  • สำหรับอากาศแห้งกับมีลมแรงทำให้ปริมาณน้ำระเหยออกจากดินและพืชมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน และรักษาอุณหภูมิดิน

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

วันที่ 10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค.อากาศเย็นในตอนเช้าและมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3องศาเชลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปีควรวางแผนการเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น รวมทั้งควรมีน้ำ สำ รองไว้ให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต ถ้าพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตเสียหายได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรต่างๆในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำ เลี้ยงจากพืชทำ ให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

วันที่ 10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11-16 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้าและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเชลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในระยะนี้ ปริมาณน้ำระเหยมีมากประกอบกับปริมาณฝนมีน้อยทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืช ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นในดินและรักษาอุณหภูมิดิน
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต การผลิดอกออกผลลดลง และผลผลิตด้อยคุณภาพ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 10 – 11 ธ.ค.ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้คะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคมีปริมาณฝนตกน้อยเกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดแมลงศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ด้วย
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคควรระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกได้ เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวโดยดูแลระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังแปลงปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ในช่วงที่ฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชสวนและพืชผัก โดยดูแลพื้นที่การเกษตรให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงแดดส่องได้ทั่วถึง เพื่อลดความชื้นสะสมในแปลงปลูกป้องกันโรคดังกล่าว
  • ในช่วงวันที่ 12-16 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 10-16 ธ.ค. 2561

ปริมาณฝนสะสมเดือนพฤศจิกายน (ช่วงวันที่ 1-9 ธ.ค.) ประเทศไทยส่วนใหญมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกที่มีปริมาณฝนสะสม 100-300 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ 3-9 ธ.ค.) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 10-300 มม. โดยทางฝั่งตะวันออกของภาคมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 200-300 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม ประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-25 มม.สมดุลน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นลบ คือ (-1) - (-40) มม. เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ที่มีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวก คือ 1-300 มม. โดยบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีค่าสมดุลน้ำสะสมเป็นบวกสูงกว่าบริเวณอื่นๆ คือ 100-300 มม.

คำแนะนำ สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายงานมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้าประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสสำหรับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับภาคใต้จะยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวโดยจัดทำระบบระบายน้ำบริเวณแปลงปลูกพืชให้มีประสิทธิภาพ อย่าให้น้ำขังในแปลงปลูกพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชสวน และพืชผักชนิดต่างๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ