พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ข่าวทั่วไป Wednesday January 30, 2019 15:06 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ออกประกาศวันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 13/62

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีอากาศเย็นต่อเนื่อง ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตลอดช่วง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีอากาศเย็นต่อเนื่อง ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. บริเวณความกดอากาศสูง ที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีกำลังปานกลางตลอดช่วง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกร ควรระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังตลอดช่วง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 13-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบาง ในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เกษตรกรที่ปลูกลิ้นจี่ควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืช เช่น มวลลำไยและไรสี่ขา เป็นต้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้า และมีหมอกหนา ในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 55-65 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระมัดระวัง การสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา
  • เกษตรกรที่ปลูกมะม่วงควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยจักจั่นและเพลี้ยไฟ เป็นต้น

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อยอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีฝนตกน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพรวมทั้งควรใช้เศษวัชพืชคลุมโคนต้นพืชเพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นของดิน
  • เกษตรกรที่ปลูกส้มโอควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย และหนอนชอนใบเป็นต้น

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อยอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4องศาเซลเซียส และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีฝนตกน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ และให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
  • เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้ง หนอนกินขั้วผล และหนอนเจาะลำต้นทุเรียน เป็นต้น

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ10-20 ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 1-5 ก.พ. มีฝน ฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วงลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกิน ส่วน ที่อ่อน ของพืช ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
  • เกษตรกรที่ปลูกเงาะควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนกินใบและหนอนกินช่อดอกเป็นต้น
  • ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 5 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 5 ก.พ. 2562

ปริมาณฝนสะสมเดือนมกราคม (ในช่วงวันที่ 1-29 มกราคม) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. เว้นแต่ภาคเหนือที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 10-100 มม. สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 50-300 มม. โดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 200-300 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยไม่มีปริมาณฝนตกสะสม สำหรับภาคใต้มีปริมาณฝนสะสม 1-25 มม. โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ตอนล่างฝั่งตะวันออก ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 15-35 มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันออก ภาคตะวันออกตอนบน และภาคใต้ตอนล่าง มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

สมดุลน้ำ บริเวณประเทศไทยมีค่าสมดุลน้ำ (-10)-(-30) มม. เว้นแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก ภาคตะวันออกตอนบน และภาคใต้ตอนล่าง มีค่าสมดุลน้ำ (-30)-(-40) มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยไม่มีรายงานตกหนัก สำหรับในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นต่อเนื่อง ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 ก.พ. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับภาคใต้จะมีปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม รวมทั้งกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ