พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 - 21 กุมภาพันธ์ 2562
การคาดหมาย
ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก หลังจากนั้น
ในช่วงวันที่ 19-21 ก.พ. 62 ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไปในตอนกลางวัน กับมีหมอกในตอนเช้า โดยแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ตลอดช่วง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. 62 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และควรอยู่ห่างจากป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง และต้นไม้ใหญ่ สำหรับเกษตรกรควรระมัดระวัง และป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่
ในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.พ. 62 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่มาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไป แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 16 – 17 ก.พ. 62 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 15-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-15 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 21 ก.พ. 62 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 12-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-14 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ส่วนในวันที่ 19 - 21 ก.พ. 62 มีเมฆบางส่วน กับหมอกในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.พ. 62 มีเมฆบางส่วน กับหมอกในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.พ. 62 มีเมฆบางส่วน กับหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 16 - 18 ก.พ. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 21 ก.พ. 62 มีเมฆบางส่วนกับหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ออกประกาศ 15 กุมภาพันธ์ 2562
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74