ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ระหว่าง 30 มกราคม 2551 - 05 กุมภาพันธ์ 2551 ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.- 1 ก.พ.มีหมอกในตอนเช้าและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ อากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะอาจเปียกชื้นสียหายได้ สำหรับผู้ที่ปลูกผักควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนและเพลี้ยต่างๆ นอกจากนี้ในช่วงที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในระยะต่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.-2 ก.พ.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว และในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. มีฝนบางแห่ง สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งเพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมสภาพน้ำและอุณหภูมิอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยเฉพาะบ่ออนุบาล เพื่อป้องกันการปรับตัวไม่ทัน จะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอ และติดเชื้อโรคได้ง่าย ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และอากาศเย็น และในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นดิน ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และในช่วงวันที่ 2-5 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหาย ส่วนผู้ที่ปลูกพืชรุ่นใหม่ในระยะนี้ควรกักเก็บน้ำและเตรียมปริมาณน้ำสำรองเอาไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากในระยะยาวปริมาณฝนจะมีความผันแปรสูง ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 30-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และในช่วงวันที่ 1-5 ก.พ.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย สำหรับบริเวณที่มีฝนตกเกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในระยะต่อไป ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรตัดแต่งดอกให้สมดุลกับลำต้นและกิ่ง โดยตัดดอกที่ไม่สมบูรณ์และแมลงกัดกินทิ้ง เพื่อลดการแย่งน้ำและอาหาร อนึ่ง ในวันที่ 1 ก.พ. คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น จึงควรเฝ้าระวังผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่ง ส่วนชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74-สส-