พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 17 – 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ข่าวทั่วไป Wednesday July 17, 2019 13:36 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 17 – 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ออกประกาศวันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 85/62

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 17 - 20 ก.ค. 62 ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่างมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อย สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 62 ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกจะมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 16 - 20 ก.ค. 62 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 62 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัด ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้ และภาคตะวันออกมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 17 – 20 ก.ค. บริเวณภาคใต้และภาคตะวันออก จะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนในช่วงวันที่17- 21 ก.ค. เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 17 - 20 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในระยะที่มีฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลังคาไม่มีรอยรั่วซึม แผงกำบังฝนสาดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเปียกฝน หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายเมื่อเกิดฝนตก
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่ โดยเฉพาะลำไย เกษตรกรควรระวังและป้องกันสัตว์ศัตรูพืช เช่น ค้างคาว และผีเสื้อมวนหวาน เป็นต้น ซึ่งจะกัดกินและทำลายผล ทำให้ผลเน่าเสีย ผลผลิตเสียหาย และไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสียและร่วงหล่นกองอยู่ในบริเวณสวนแต่ควรนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยของโรคและศัตรูพืช

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 17 - 20 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับพื้นที่ซึ่งมีปริมาณฝนน้อยเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยงและดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสม กับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากสัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด จะส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เนื่องจากฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ตลอดจนข้าวนาปี ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าว จะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชชะงัก การเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • พื้นที่ซึ่งมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูก อย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชเหี่ยวเฉา ส่งผลให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำ เป็นเวลานานจะทำให้ต้นพืชตาย ผลผลิตเสียหาย โดยสิ้นเชิง
  • เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชในพื้นที่เพาะปลูก เพื่อไม่ให้แย่งน้ำและธาตุอาหารจากพืชที่ปลูก รวมทั้งไม่ให้ เป็นแหล่งอาศัยหลบซ่อนของโรคและศัตรูพืช

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ในช่วงวันที่ 17 – 20 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 23 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • ในช่วงที่มีฝนตกชุก ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมภายในสวน รวมทั้งไม่ควรกองสุมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กิ่งไม้ และเปลือกผลไม้ไว้ในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช
  • สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตก เกษตรกรที่ปลูกพริกไทย ควรระวังและป้องกันโรครากเน่า โดยดูแลพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้มีน้ำขังบริเวณโคนต้นพืช และหากพบต้นที่เป็นโรคควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ
  • ในช่วงวันที่ 17-21 ก.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 17 – 21 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 22 - 23 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 17 – 21 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 22 - 23 ก.ค. 62 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %

ผลกระทบต่อพืช/สัตว์

  • สำหรับทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้ผลผลิตลดลง
  • ส่วนทางฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 17 – 21 ก.ค. มีฝน ฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกัน การระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราสนิม ในกาแฟ และโรคราสีชมพูในยางพารา เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
  • ในช่วงวันที่ 17-21 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝน ฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณทะเล อันดามันควรงดออกจากฝั่ง
รายงานสถานการณ์สมดุลน้ำใน 7 วันที่ผ่านมา และการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเกษตร ในช่วงวันที่ 17-23 กรกฎาคม 2562

ปริมาณฝนสะสมเดือนกรกฎาคม (ในช่วงวันที่ 1-16 กรกฎาคม) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม. เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่ในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออก ด้านตะวันออกของภาค โดยมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 100-300 มม. บริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด สำหรับภาคใต้ ส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 50 มม เว้นแต่ทางตอนล่างของภาคที่มีปริมาณฝนสะสม 50-150 มม.

ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50 มม. เว้นแต่ภาค ตะวันออกตอนล่างมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 50 มม. โดยมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 100-150 มม. บริเวณจังหวัดตราด สำหรับภาคใต้ตอนบน มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 25 มม. ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีปริมาณฝนสะสม 25-100 มม.

ศักย์การคายระเหยน้ำสะสม บริเวณประเทศไทยมีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 20-40 มม. โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกตอนบน มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสมมากกว่าบริเวณอื่นๆ

สมดุลน้ำ บริเวณประเทศไทยตอนบนส่วนมากมีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ โดยมีค่า (-1) – (-40) มม. เว้นแต่ภาคเหนือด้านตะวันตก และภาคตะวันออกตอนล่างมีค่าสมดุลน้ำเป็นบวก โดยภาคตะวันออกตอนล่างมีค่าสมดุลน้ำสูงสุด คือ 40-100 มม. สำหรับภาคใต้ตอนบนมีค่าสมดุลน้ำเป็นลบ โดยมีค่า (-1) - (-30) มม. เว้นแต่ภาคใต้ตอนล่างมีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกโดยมีค่า 1 - 40 มม.

คำแนะนำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บริเวณประเทศไทยมีรายงานฝนตกหนักหลายพื้นที่กับมีฝนตกหนักมากบางแห่ง สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้และภาคตะวันออก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจาก สภาวะดังกล่าว ส่วนเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนน้อย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ