พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 4 - 10 มีนาคม พ.ศ.2563
ออกประกาศวันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2563
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 28/63
การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม/ ประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะมีเกิดขึ้นได้ และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.63 มีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
คำเตือน ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย
คำแนะนำสำหรับการเกษตร
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
- ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว รวมทั้งไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเสียหายได้ ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากอากาศที่ร้อนและแห้ง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชผักและไม้ผลไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.63 อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
- ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง นอกจากนี้เกษตรกรควรสำรวจและผูกยึดค้ำยันกิ่งไมผลให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก และต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทำให้ปริมาณการระเหยของน้ำมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินและเป็นการรักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
ส่วนในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 %
- ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เหมาะแก่การระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผลและพืชผัก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชดังกล่าวไว้ด้วย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค.63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 %
- ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรสำรวจและดูแลการผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก ผลร่วงหลนและต้นโค่นล้ม เมือมีลมแรง ส่วนในช่วงวันที่ 6-10 มี.ค. มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และไม้ผลไว้ด้วย
ภาคใต้
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 4-6 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 %ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 4-6 มี.ค.63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 7-10 มี.ค.63 มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
- มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในตอนกลางวันมีอากาศร้อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชสวนและไม้ผล ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชทรุดโทรมผลผลิตเสียหายได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เนื่องจากใบยางพาราที่ร่วงหล่นจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2563 ประเทศไทยไม่มีรายงานฝนตกหนักมาก ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร และกรุงเทพมหานคร
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา