พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคม พ.ศ. 2564

ข่าวทั่วไป Friday January 8, 2021 15:16 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคม พ.ศ. 2564

ออกประกาศวันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2564

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 4/64

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลงต่อเนื่อง 5-8 องศาเซลเซียส กับมีอากาศหนาวเย็นลงและมีลมแรงโดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในวันถัดไป สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอก

ในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ทำให้ฝนลดลงและคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คำเตือน ในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันความเจ็บป่วย สำหรับในช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2-4 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวและมีความชื้นสูงในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันหนอนใยผักในพืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี และผักกาดขาวปลี นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 5-8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมให้แก่สัตว์เลี้ยง และเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็น อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

  • ระยะนี้จะมีอากาศเย็นและมีความชื้นสูงในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคราแป้งในมะม่วง นอกจากนี้ ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำ

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

  • ในช่วงนี้จะมีอากาศเย็น ทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลง เกษตรกรควรให้ปริมาณอาหารแก่สัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ควรกำจัดวัชพืช ดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และเก็บเศษซากพืชต่างๆ แล้วนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยหรือหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม. ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาคตลอดช่วง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันหนอนกระทู้หอมในหอมแดง สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกัน ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในไม้ผลและพืชผัก
ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 1 - 7 มกราคม 2564 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบนในระยะต้นช่วง จากนั้นมีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นทั่วไปตลอดช่วง โดยมีอากาศหนาวเกือบทั่วไปกับมีอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนมากในระยะต้นช่วง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลงในระยะกลางและปลายช่วง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียในวันที่ 5-6 ม.ค. ทำให้บริเวณภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของภาคตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนตกต่อเนื่องเกือบตลอดช่วง

ภาคเหนือ มีอากาศหนาวเกือบทั่วไปในระยะครึ่งแรกของช่วง กับมีอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ของจังหวัดตากในวันที่ 2 ม.ค. จากนั้นอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศหนาวหลายพื้นที่บริเวณตอนบนของภาค ส่วนตอนล่างของภาคมีอากาศเย็นทั่วไป สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด โดยมีรายงานน้ำค้างแข็งบริเวณจังหวัดพิษณุโลกในวันที่ 2 ม.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวทั่วไปกับมีอากาศหนาวจัดบางพื้นที่ของจังหวัดนครพนมในระยะต้นช่วง จากนั้นอุณหภูมิสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศหนาวหลายพื้นที่ทางตอนบนของภาค ส่วนตอนล่างของภาคมีอากาศเย็นทั่วไป สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมี

อากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคกลาง มีอากาศเย็นทั่วไปกับมีหนาวหลายพื้นที่ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นเกือบทั่วไปในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงมีอากาศเย็นหลายพื้นที่ โดยมีฝนเล็กน้อยบางพื้นที่ในวันที่ 5 ม.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีอากาศเย็นเกือบทั่วไปทางตอนบนของภาคในระยะต้นและกลางช่วง โดยมีฝนร้อยละ 40-65 ของพื้นที่ ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 5-6 ม.ค. โดยมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดนราธิวาสและยะลาในวันที่ 5-7 ม.ค. และบริเวณจังหวัดสงขลาและปัตตานีในวันที่ 6-7 ม.ค. กับมีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดยะลาในวันที่ 5-6 ม.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีอากาศเย็นหลายพื้นที่ โดยมีฝนร้อยละ 25-50 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 4 และ 7 ม.ค. มีฝนร้อยละ 60-75 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่ง

ช่วงที่ผ่านมามีรายงานภาคใต้มีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดยะลาและนราธิวาส ส่วนจังหวัดที่มีฝนตกหนักได้แก่สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และตรัง โดยวัดปริมาณฝนสูงสุดได้ 290.2 มิลลิเมตร ที่อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ