พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 15 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ข่าวทั่วไป Friday October 15, 2021 14:57 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 15 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ออกประกาศวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 125/64

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ในช่วงวันที่ 17-19 ต.ค. ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนน้อย ส่วนภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และสภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 5-15 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุดในผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด (กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักกาดขาว ผักกาดหัว ผักฮ่องเต้ ผักหางหงส์ ผักกวางตุ้ง คะน้า) รวมทั้งควรตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรคในระยะกล้า ควรถอนต้นกล้าที่เป็นโรค นำไปทำลายนอกแปลงปลูก หากพบโรคในระยะต้นโต ควรตัดใบที่เป็นโรคออก นำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.

  • ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองแต่ตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกอลายจุดใหญ่ในอ้อยระยะย่างปล้องถึงระยะเป็นลำ รวมทั้งควรหมั่นสำรวจแปลงอ้อยอยู่เสมอ ถ้าพบการเข้าทำลายของหนอนกอลายจุดใหญ่ที่ลำอ้อย ให้ตัดออกมาทำลายทิ้งนอกแปลง และทำลายหนอนที่อยู่ในลำอ้อย

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนให้แก่สัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เป็นต้น

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.

  • ในช่วงนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้น และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 15-16 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 80-90 %

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง นอกจากนี้ควรตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่งและกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกเพื่อลดความชื้นสะสม และควรเก็บเศษซากพืชต่างๆ แล้วนำไปกำจัด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยหรือหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ
ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 8 - 14 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พายุโซนร้อน "ไลออนร็อก (LIONROCK (2117))" ในวันที่ 8 ต.ค. พายุนี้ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงบ่ายของวันที่ 10 ต.ค. พร้อมกับอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในช่วงเย็นของวันเดียวกัน แล้วอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบนก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในช่วงเช้าของวันที่ 11 ต.ค. จากนั้นร่องมรสุมได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเข้าสู่พายุโซนร้อน "คมปาซุ (KOMPASU (2118))" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน พายุนี้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกผ่านเกาะไหหลำประเทศจีนในช่วงค่ำของวันที่ 13 ต.ค. ก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนเหนือของเมืองวิญ ประเทศเวียดนามตอนบน พร้อมทั้งอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับในเวลาต่อมา ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงตลอดช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นในระยะกลางและปลายช่วง ส่วนภาคใต้มีฝนตลอดช่วงส่วนมากทางตอนบนของภาค ภาคเหนือ มีฝนน้อยกว่าร้อยละ 15 ของพื้นที่ในระยะต้นช่วง จากนั้นมีฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะกลางช่วง และมีรายงานน้ำท่วมต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริเวณจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก กับมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดลำปางในวันที่ 12 ต.ค. และจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 10-12 ต.ค. และมีรายงานน้ำท่วมฉับพลันกับลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดเชียงรายในวันที่ 10 ต.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 10-40 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 11,13 และ 14 ต.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีรายงานน้ำท่วมต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริเวณจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา และอุบลราชธานี กับมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดมหาสารคามในวันที่ 8-14 ต.ค. และจังหวัดเลยในวันที่ 12-13 ต.ค. ภาคกลาง มีฝนร้อยละ 15-30 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 12 และ 14 ต.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 85 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในระยะครึ่งหลังของช่วง และมีรายงานน้ำท่วมต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี กับมีรายงานดินถล่มบริเวณจังหวัดสระบุรีในวันที่ 13-14 ต.ค. ภาคตะวันออก มีฝนร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 9-10 ต.ค. มีฝนร้อยละ 35-50 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งส่วนมากบริเวณชายฝั่งตอนล่างของภาค และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดจันทบุรีในวันที่ 9-14 ต.ค. จังหวัดตราดในวันที่ 10-14 ต.ค. และจังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 13 ต.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดตราดในวันที่ 9 ต.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 35-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดช่วง และมีรายงานน้ำท่วมฉับพลันบริเวณจังหวัดชุมพรในวันที่ 8-9 ต.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนร้อยละ 35-60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 8 และ 12 ต.ค. มีฝนมากกว่าร้อยละ 85 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งตลอดช่วง และมีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดระนองในวันที่ 8,9,10 และ 12 ต.ค.

ช่วงที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ตาก เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม นครราชสีมา สุรินทร์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กรุงเทพมหานคร ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ส่วนบริเวณที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร อุดรธานี หนองบัวลำภู มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา ระยอง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ