พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 22 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ข่าวทั่วไป Monday August 22, 2022 15:47 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 22 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ออกประกาศวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 100/2565

การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 23 - 26 ส.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 28 ส.ค. 65 ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง

คำเตือน ในช่วงวันที่ 24 - 26 ส.ค. บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับทะเลอันดามันตอนบนชาวเรือและชาวประมงควรระมัดระวังในการเดินเรือ

คำแนะนำสำหรับการเกษตร

ภาคเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 23 - 26 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 25 - 26 ส.ค. ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-36 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 65-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ซึ่งหากระดับน้ำลดลงแล้วเกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากแปลงปลูก และฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการนำเครื่องจักรกลหนักเข้าพื้นที่การเกษตร เพราะอาจทำให้ดินแน่นส่งผลต่อระบบรากพืชได้ สำหรับในช่วงที่มีฝนตก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหมั่นสังเกตเพราะอาจมีสัตว์มีพิษเข้ามาอาศัยหลบฝนอยู่บริเวณโรงเรือน ซึ่งทำให้สัตว์เลี้ยงตื่นและอาจทำร้ายสัตว์เลี้ยงได้ หากพบควรรีบจัดการให้ออกไปจากโรงเรือน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 23 - 26 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 24 - 26 ส.ค. ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-36 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 65-85 % ความยาวนานแสงแดด 2-5 ชม.

  • ระยะนี้มีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลหลังคาโรงเรือนอย่าให้รั่วซึมและไม่ควรปล่อยให้พื้นคอกชื้นแฉะ เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้นหนาวเย็น อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย สำหรับบางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงย่ำน้ำที่สกปรก หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูททุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิส หรือ โรคฉี่หนู

ภาคกลาง

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 23 และ 27 - 28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 24 - 26 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 65-85 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรและโคนต้นพืชนาน ทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้ สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก โดยเฉพาะโรครากเน่าและโคนเน่าในมะละกอ ซึ่งโรคดังกล่าวทำให้ลำต้นเป็นแผลเน่าฉ่ำน้ำ ต้นหักและล้มพับ ใบเหลืองหลุดร่วง รากแก้วเน่าเปื่อยและตายในที่สุด ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อโดยตรง เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ

ภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ในช่วงวันที่ 23 - 26 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 27 - 28 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-6 ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้วเกษตรกรควรรีบฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ในพืชไร่ ไม้ผลและพืชผัก โดยเฉพาะโรคลำต้นจุดสีน้ำตาลและผลเน่าในแก้วมังกร ซึ่งโรคดังกล่าวจะทำให้ลำต้นและผล เป็นแผลฉ่ำน้ำสีเหลือง หากเป็นที่กิ่งจะทำให้เนื้อเยื่อเป็นรูเว้าแหว่ง หากเป็นที่ผลจะทำให้กลีบผลไหม้แห้งเป็นสีดำ และผลเน่าในที่สุด

ภาคใต้

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 3-5 ชม.

ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 23 - 27 ส.ค.ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ 70-90 % ความยาวนานแสงแดด 2-4 ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว โดยทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูกสำหรับในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากขาวและโรคหน้ากรีดยางในยางพารา โรคราสีชมพูในไม้ผลและยางพารา โรคราสนิมในกาแฟ เป็นต้น ส่วนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อโดยตรง เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ
ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 15 - 21 สิงหาคม 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตลอดสัปดาห์ โดยมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวตอนบนในวันแรกของสัปดาห์ นอกจากนี้มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนในวันที่ 16 ส.ค. กับมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบนในระยะปลายสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่นเกือบตลอดสัปดาห์กับมีรายงานน้ำท่วมในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนหนาแน่นโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกของภาค

ภาคเหนือ มีฝนมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 18-19 ส.ค. มีฝนร้อยละ 45-55 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 และ 20 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดพิจิตรในวันที่ 15 ส.ค. จังหวัดลำปางในวันที่ 15, 16 และ 18 ส.ค. จังหวัดเชียงรายในวันที่ 15 และ 21 ส.ค. จังหวัดตากในวันที่ 16 ส.ค. จังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลกใน

วันที่ 16 และ 21 ส.ค. จังหวัดลำพูนในวันที่ 17 ส.ค. จังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่ 20 ส.ค. จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ และแพร่ในวันที่ 21 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนร้อยละ 70-90 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 18 ส.ค. มีฝนร้อยละ 40 ของพื้นที่ โดยมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะในวันที่ 20 ส.ค. มีฝนหนักในหลายพื้นที่และมีฝนหนักมากบางแห่ง นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดชัยภูมิและศรีสะเกษในวันที่ 15 ส.ค. จังหวัดขอนแก่นในวันที่ 15, 17 และ 21 ส.ค. จังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 17 และ 20 ส.ค. จังหวัดบึงกาฬ มุกดาหาร ชัยภูมิ ยโสธร และมหาสารคามในวันที่ 20 ส.ค. และจังหวัดอุดรธานีในวันที่ 21 ส.ค. กับมีรายงานลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญในวันที่ 19 ส.ค. และจังหวัดยโสธรในวันที่ 20 ส.ค. ภาคกลาง มีฝนมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 18 และ 20 ส.ค. มีฝนร้อยละ 20-45 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงาน น้ำท่วมบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ในวันที่ 15 ส.ค. และจังหวัดอ่างทองในวันที่ 15 และ 21 ส.ค. ภาคตะวันออก มีฝนมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันสุดท้ายของสัปดาห์มีฝนร้อยละ 45 ของพื้นที่กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 15 และ 19 ส.ค. นอกจากนี้มีรายงานน้ำท่วมบริเวณจังหวัดสระแก้วในวันที่ 15 ส.ค. และจังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 16 และ 18 ส.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ เว้นแต่ในวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนร้อยละ 70-75 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนมากกว่าร้อยละ 75 ของพื้นที่ กับมีฝนหนักบางแห่งเกือบตลอดสัปดาห์ และมีฝนหนักมากบางพื้นที่ในวันที่ 16 และ 21 ส.ค.

สัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ เลย สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร นครสวรรค์ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยากรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และตรัง ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง น่าน ตาก สุโขทัย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง ปทุมธานี นนทบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ภูเก็ต กระบี่ และสตูล

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ