พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 9 - 15 มกราคม พ.ศ. 2566

ข่าวทั่วไป Monday January 9, 2023 14:31 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

คาดหมายอากาศทั่วไป

ระหว่างวันที่ 9 - 15 มกราคม พ.ศ. 2566

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 11 - 12 ม.ค. 66 ส่งผลทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 15 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ระวังอันตรายการสัญจร ในบริเวณที่มีหมอก รวมถึงฝนฟ้าคะนองบริเวณประเทศไทยตอนบนที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66 สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง

ออกประกาศ 09 มกราคม 2566 11:00 น.

คาดหมายอากาศรายภาค

ระหว่างวันที่ 9 - 15 มกราคม พ.ศ. 2566

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 10 - 11 ม.ค. 66

อุณหภูมิต่ำสุด 13 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 15 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 31 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 - 30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66

อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.

หลังจากนั้นในวันที่ 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 2 - 3 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 34 องศาเซลเซียส

บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66

อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม.

หลังจากนั้นในวันที่ 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

อุณหภูมิต่ำสุด 19 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66

หลังจากนั้นในวันที่15 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร

อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 31 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 10 - 13 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 31 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 15 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 - 33 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร

กรุงเทพและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 10 - 14 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 - 2 องศาเซลเซียส

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. 66

หลังจากนั้นในวันที่ 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.

ออกประกาศ 09 มกราคม 2566 11:00 น.

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ