พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 10 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2566

ข่าวทั่วไป Friday March 10, 2023 14:41 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 10 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2566 ออกประกาศวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2566 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 30/2566 การคาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 10-11 และ 15-16 มี.ค. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกบางในตอนเช้ากับอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. บริเวณกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ โดยมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีลูกเห็บตกและฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร คำเตือน ในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า

คำแนะนำสำหรับการเกษตร ภาค พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า และผลกระทบต่อพืช/สัตว์ เหนือ

ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมใต้ ความเร็ว 5-10 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ส่วนช่วงวันที่ 15-16 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 5-10 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ระยะนี้จะมีอากาศร้อนกับมีพายุฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยไฟพริกในพืชตระกูลส้ม เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะนาว และมะกรูด เป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนอ่อนต่างๆ ของพืช นอกจากนี้ควรระวังอันตรายพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า ตะวันออก ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว เฉียงเหนือ 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส โดยในช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 15-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง เพราะอาจได้รับอันตรายจากฟ้าผ่า รวมทั้งควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพเนื่องจากอยู่ในช่วงแล้งและเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนน้อย

กลาง

ในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า มีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ระยะนี้จะมีอากาศร้อนกับมีพายุฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก สำหรับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานหากต้องการปลูกพืชรอบใหม่ควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะนี้อยู่ในช่วงแล้งปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย อาจไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช ตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า มีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม. - ในช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ใต้

ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตลอดช่วง ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม. ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % - ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งตลอดช่วง สำหรับในพื้นที่ซึ่งฝนตกไม่สม่ำเสมอเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ส่วนพื้นที่ซึ่งมีฝนตกติดต่อกันทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูงเกษตรกรควรระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราแป้ง โรคใบติด และโรครากเน่าโคนเน่า เป็นต้น สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย หลังจากฝนตกควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ RR ลักษณะอากาศในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ระหว่างวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนในระยะต้นช่วงจากนั้นมีกำลังอ่อน ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าวในระยะครึ่งหลังของช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในระยะต้นและกลางช่วงในตอนเช้า ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ในระยะครึ่งแรกของช่วง จากนั้นลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณดังกล่าว ส่งผลให้ภาคใต้มีอากาศเย็นหลายพื้นที่กับมีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกของภาคเกือบตลอดช่วง

ภาคเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้าเกือบทั่วไป กับมีอากาศหนาวบางพื้นที่ตลอดช่วง ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้าเกือบทั่วไปในระยะต้นและกลางช่วง กับมีอากาศหนาวทางตอนบนของภาค จากนั้นมีอากาศเย็นทั่วไป ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในวันที่ 8 มี.ค. สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดภูมีอากาศหนาว ภาคกลาง มีอากาศเย็นเกือบทั่วไปในตอนเช้า ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง ภาคตะวันออก มีอากาศเย็นในตอนเช้าหลายพื้นที่เกือบตลอดช่วง ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีอากาศเย็นในตอนเช้าหลายพื้นที่เกือบตลอดช่วง โดยมีฝนร้อยละ 50 ของพื้นที่กับมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งในวันแรกของช่วง จากนั้นมีฝนน้อยกว่าร้อยละ 15 ของพื้นที่เกือบตลอดช่วง ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีอากาศเย็นในตอนเช้าหลายพื้นที่ส่วนมากในระยะกลางช่วง ส่วนในตอนกลางวันมีอากาศร้อนบางพื้นที่ในระยะครึ่งหลังของช่วง โดยมีฝนเล็กน้อยร้อยละ 15-25 ของพื้นที่ในวันที่ 3,4,7 และ 9 มี.ค.

ช่วงที่ผ่านมามีรายงานฝนตกหนักและหนักมากบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนบริเวณจังหวัดที่มีฝนตกหนัก บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำหรับปริมาณฝนมากที่สุดวัดได้ 102.5 มิลลิเมตร ที่อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 3 มีนาคม

ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ