ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 24 พฤศจิกายน 2551 - 30 พฤศจิกายน 2551
ภาคเหนือ
อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-7 องศาเซลเซียส สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแทงช่อดอกควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม โดยให้น้ำเล็กน้อย แล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ หากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้การออกดอกและติดผลลดลง รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ อนึ่ง ในระยะนี้สภาพอากาศแห้งและมีลมแรง เกษตรกรที่ก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ตนเองควรดับให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศหนาวทางตอนบนของภาค ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียสและมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้าง ในช่วงนี้อุณหภูมิยังคงลดลง เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
ภาคกลาง
อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสและมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงต้นพืช ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลง สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานหากต้องการปลูกพืชรอบใหม่ ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืชในระยะเจริญเติบโต
ภาคตะวันออก
อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสและมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส ในสภาวะแสงแดดจ้าและมีลมแรง อัตราการระเหยน้ำจะสูงขึ้น เกษตรกรจึงควรคลุมแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรต่างๆ เช่น ฟางข้าวและหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นในดิน อนึ่ง ในระยะนี้ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปส่วนมากทางตอนล่างของภาคตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวสวนไม้ผลควรดูแลไม่ให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่า อนึ่ง ในระยะนี้บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74