พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งระหว่าง 17 ธันวาคม 2551 - 23 ธันวาคม 2551

ข่าวทั่วไป Wednesday December 17, 2008 16:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 17 ธันวาคม 2551 - 23 ธันวาคม 2551

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียสต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค.อากาศจะอุ่นขึ้นและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกในระยะนี้ควรระวังและป้องกันความเสียหายจากการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวไปแล้วควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะจะทำให้เปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอกและน้ำค้าง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. อากาศจะอุ่นขึ้น และมีหมอกในตอนเช้า ในระยะนี้สภาพอากาศแห้งทำให้น้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นดิน ส่วนผู้ที่ปลูกมะเขือเทศในระยะนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยอ่อน และแมลงหวี่ขาว ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง และนำโรคมาสู่ต้นพืช ทำให้ต้นตาย หรือผลผลิตลดลง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. อากาศจะอุ่นขึ้น และมีหมอกในตอนเช้า ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง ผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ควรเพิ่มความชื้นในโรงเรือน โดยใช้วัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปวางไว้ในโรงเรือน รวมทั้งทำที่บังลมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อป้องกันลมโกรก นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ส่วนเกษตรกรที่ปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองใว้ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย หากพืชขาดน้ำในระยะเจริญเติบโต ผลผลผลิตจะลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. อากาศจะอุ่นขึ้น และมีหมอกในตอนเช้า ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง ซึ่งหากเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยให้น้ำ โดยเริ่มจากให้น้ำครั้งละน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น เพราะหากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และควรลดปริมาณอาหารเนื่องจากเมื่ออุณหภูมิของน้ำลดลงสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะบูดเน่า ทำให้น้ำเสีย ก่อให้เกิดโรค ได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ส่วนมากตั้งแต่จังหวัด นครศรีธรรมราชลงไป ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค สำหรับทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคในช่วงต่อจากนั้นวันที่ 19-23 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมทั้งระวังโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมาซึ่งระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรพื้นฟูสภาพสวน และแหล่งน้ำให้ใช้ได้ตามปกติ หากมีต้นไม้ผลล้มเอนควรผูกยึดให้ตั้งตรง ถ้ามีบาดแผลควรทำความสะอาด แล้วทาด้วย ปูนแดง หรือสารป้องกันเชื้อรา อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค.บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว และชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74

-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ