ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 30 มกราคม 2552 - 05 กุมภาพันธ์ 2552
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.—2 ก.พ. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมอ่อน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันร่างกายปรับตัวไม่ทัน ไม่ให้อ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย นอกจากนี้ในตอนเช้ายังคงมีหมอกหนา เกษตรกรจึงควรระมัดระวังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนน สำหรับผลผลิตการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพื่อป้องกันการเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.—2 ก.พ. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-12 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังขณะขับขี่ยานพาหนะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับผู้ที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราชนิดต่างๆ โดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหายและด้อยคุณภาพ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.—2 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส กับมีฝนบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 3-4 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้น ระยะนี้เกษตรกรที่ปลูกพืชควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ ทดแทนการคายระเหยน้ำที่มากขึ้น รวมทั้งคลุมแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 30 ม.ค.—2 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส โดยจะมีฝนบางแห่งส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ เช่น เพลี้ยสำลีในอ้อย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย และคุณภาพลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกมีหมอกมีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีหมอกในตอนเช้า และอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ระยะนี้ปริมาณฝนอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช โดยเฉพาะสำหรับทุเรียนที่กำลังออกดอก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสมกับระยะการเจริญเติบโต รวมทั้งควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74