ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 12 เมษายน 2553 - 18 เมษายน 2553
ภาคเหนือ
มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 38-43 องศาเซลเซียส โดยใน ช่วงวันที่ 16-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาวะดังกล่าว สำหรับลิ้นจี่และลำไยที่กำลังให้ผลผลิต ชาวสวนควรค้ำยันกิ่งให้แข็งแรงเพื่อช่วยรับน้ำหนัก มิให้กิ่งหักเสียหายเมื่อมีลมกระโชกแรง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-42 องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ 14-18 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย และลมกระโชกแรงบางแห่งกับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับสิ่งปลูกสร้างและพืชผลทางการเกษตรจากสภาวะดังกล่าว สำหรับบริเวณที่มีอากาศร้อนและแห้งอาจมีศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยสีชมพู และไรแดงระบาดทำลายมันสำปะหลังที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต เกษตรกรควรเฝ้าระวังป้องกันกำจัด
ภาคกลาง
อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 37-42 องศาเซลเซียส โดยในวันที่ 15-17 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากลมกระโชกแรง และไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะจะเปียกฝนเสียหายได้ ในสภาพอากาศที่ร้อนและร้อนจัด เกษตรกรควรปรับสภาพโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกช่วยลดความร้อนอบอ้าว ซึ่งอาจจะทำให้สัตว์เครียดและเจ็บป่วยได้ง่าย
ภาคตะวันออก
อากาศร้อนถึงร้อนจัดและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยในช่วงวันที่ 14-18 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรจากลมกระโชกแรง ระยะนี้แม้ว่าจะมีฝนตก แต่สภาพอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างแห้ง เกษตรกรควรหมั่นตรวจสอบศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ โดยเฉพาะข้าวนาปรังอาจมีเพลี้ยไฟระบาดทำลาย หากพบควรรีบกำจัด
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออกอากาศร้อนและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ โดยในวันที่ 15-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนทางฝั่งตะวันตกอากาศร้อนและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนมากบริเวณทางตอนล่างของภาค เกือบตลอดช่วง ระยะนี้จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ซึ่งจะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในระยะต่อไปด้วย ส่วนทางตอนบนของภาคจะยังคงมีฝนตกน้อย ชาวสวนควรให้น้ำแก่ไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อนอย่างเพียงพอ และหมั่นสำรวจสวน หากพบศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ควรรีบจำกัด
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74