ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทและคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. เบทาโกร” ที่ระดับ “A” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday October 19, 2011 17:05 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและใช้เป็นทุนในการขยายการดำเนินงานตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และนโยบายการขยายธุรกิจในรูปการร่วมทุน ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของ

ทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้ต่อไป ทั้งนี้ การลงทุนร่วมกับผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่นจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการส่งออก ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์อาหารจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทได้บางส่วน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยกลุ่มตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ และปัจจุบันมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนพฤษภาคม 2554 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยตรงในสัดส่วน 14.33% ของหุ้นทั้งหมด และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด อีก 69.45% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 6 สาย ประกอบด้วย ธุรกิจเครือภูมิภาคและอาหารสัตว์ ธุรกิจไก่ ธุรกิจสุกร ธุรกิจอาหาร ธุรกิจสุขภาพสัตว์ และธุรกิจอื่น ๆ ระหว่างปี 2549-2553 รายได้จากธุรกิจไก่มีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็น 41% ของรายได้รวมของบริษัท ตามมาด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ (37%) และธุรกิจสุกร (13%) รายได้จากการขายภายในประเทศของบริษัทคิดเป็น 86% ของรายได้รวมในปี 2553 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 14%

ตั้งแต่การร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2523 บริษัทก็ยังคงดำเนินนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น การขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนนอกจากจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับการส่งออกแล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่บริษัทในการปรับปรุงการดำเนินงานและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการเลื้ยงสุกร SPF (Specific Pathogen Free) ซึ่งเป็นการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรคและสารตกค้าง ผลสำเร็จจากการร่วมทุนทำให้บริษัทเติบโตโดยลำดับจนเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทยและมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ในธุรกิจเนื้อไก่ ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์ไปจนถึงการแปรเป็นอาหารสำเร็จรูป การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทมีมาตรฐานในระดับสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป โดยสินค้าที่ส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นการส่งออกผ่านทางผู้ร่วมทุนของบริษัท

ในปี 2553 บริษัทมียอดขาย 50,441 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 4,393 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไก่คิดเป็น 39% ของรายได้รวม ในขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์มีสัดส่วน 37% ธุรกิจสุกรมีสัดส่วน 15% ธุรกิจไส้กรอกและลูกชิ้น 4% และอื่น ๆ อีก 1% แม้ลูกค้าหลักของบริษัทจะเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหาร แต่บริษัทก็ให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2549-2553 ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นสัดส่วน 16%-20% ของยอดขายรวมของบริษัทในแต่ละปี

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2551-2553 อยู่ในระดับที่ดีตามวัฎจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม โดยยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 50,441 ล้านบาทในปี 2553 หรือเพิ่มขึ้น 7.85% จากปี 2552 ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักคือปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจเครือภูมิภาคและอาหารสัตว์ ทว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 14.58% ในปี 2552 เป็น 12.63% ในปี 2553 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทมีการจัดซื้อวัตถุดิบโดยการทำสัญญาสั่งซื้อล่วงหน้าและการทำสัญญาอนุพันธ์ในตลาดล่วงหน้าเพื่อบริหารจัดการต้นทุน ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2554 ยังคงแข็งแกร่ง รายได้รวมเติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 27,582 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ระดับสูงที่ 14.7% ในครึ่งแรกของปี 2554 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ยังอยู่ระดับสูงและการบริหารจัดการต้นทุน ราคาเนื้อไก่และหมูอ่อนตัวลงเล็กน้อยในเดือนตุลาคม 2554 เนื่องจากอุทักภัยในหลายพื้นที่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามอุทกภัยครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มากนักเนื่องจากฐานการผลิตหลักไม่ประสบปัญหาอุทกภัย มีฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่และฟาร์มหมูหนึ่งแห่งของบริษัท และฟาร์มของผู้รับจ้างเลี้ยงรายย่อยที่จังหวัดนครสวรรค์ประสบปัญหาน้ำท่วมแล้ว ขณะที่คาดว่าราคาสัตว์บกจะปรับตัวขึ้นหลังจากปัญหาอุทกภัยคลี่คลายลง

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นตามลำดับจาก 73.58% ในปี 2551 เป็น 54.72% ในปี 2552 และ 51.14% ในปี 2553 เนื่องจากบริษัทมีนโยบายชำระหนี้โดยใช้เงินทุนจากการดำเนินงาน นอกจากนี้ เงินกู้รวมก็ลดลงจาก 13,199 ล้านบาทในปี 2551 เป็น 9,180 ล้านบาทในปี 2553 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ยังอยู่ในระดับสูงที่ 39.14% ในปี 2553 แม้ว่าจะลดลงจาก 46.55% ในปี 2552 ก็ตาม

บริษัทมีแผนลงทุนจำนวน 2,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2554-2556 เพื่อขยายกำลังการผลิตทั้งในธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ดำเนินงานกับผู้ร่วมทุน รวมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนที่วางไว้ได้ — จบ

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ