ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 17, 2015 16:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตลอดจนการมีโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีทั่วประเทศ และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปริมาณของภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ การแข่งขันจากกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ และการแพร่ระบาดของสื่อภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดในธุรกิจโรงภาพยนตร์และรักษาผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอาไว้ได้ อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและสามารถคงระดับอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 30% เอาไว้ได้ ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากบริษัทมีการกู้ยืมเงินอย่างมากจนทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวสูงกว่า 65%

บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 70% โดยพิจารณาจากรายได้รวมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์แรก บริษัทก่อตั้งในปี 2538 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 34% บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ สื่อและโฆษณา การให้เช่าพื้นที่และบริการ รวมถึงธุรกิจสื่อภาพยนตร์ โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากธุรกิจโรงภาพยนตร์และธุรกิจโฆษณา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์คิดเป็น 68% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโฆษณาคิดเป็น 14% สำหรับธุรกิจอื่น ๆ อีก 3 ประเภทต่างก็มีรายได้คิดเป็นประมาณ 6% ของรายได้ทั้งหมด

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ 87 แห่ง โดยมีจำนวนจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น 576 จอ ณ ปัจจุบันบริษัทมีโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 35 แห่ง ในต่างจังหวัด 50 แห่ง และในต่างประเทศ 2 แห่ง หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ในประเทศกัมพูชาในช่วงกลางปี 2557 แล้ว บริษัทก็ได้เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศแห่งที่ 2 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในเดือนสิงหาคม 2558 โดยโรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อ Vientiane Center ซึ่งมีโรงภาพยนตร์ 5 จอและมีโบว์ลิ่ง 8 ราง สำหรับธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะนั้นบริษัทมีสาขาทั้งหมด 19 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโบว์ลิ่ง 357 ราง ห้องคาราโอเกะ 225 ห้อง และลานสเก็ตน้ำแข็ง 5 ลาน นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่ดำเนินการเองจำนวน 5 แห่ง และมีพื้นที่ให้เช่าขนาด 50,489 ตารางเมตร (ตร.ม.) รวมทั้งยังขยายโรงภาพยนตร์ไปตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่โดยใช้ตราสัญลักษณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าหลาย ๆ กลุ่มด้วย

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์และการมีโรงภาพยนตร์จำนวนมากทั่วประเทศ โดยรายได้จากการเข้าชมภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย รวมถึงคุณภาพและความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์ด้วย อนึ่ง การชมภาพยนตร์ในโรงเป็นรูปแบบความบันเทิงที่มีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การชมภาพยนตร์ในโรงก็มีความเสี่ยงจากการมีความบันเทิงในรูปแบบอื่น ๆ เป็นสิ่งทดแทน เช่น กิจกรรมความบันเทิงภายในบ้าน การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนันทนาการในรูปแบบอื่นดังกล่าวก็ยังไม่สามารถทดแทนประสบการณ์จากการชมภาพยนตร์ในโรงได้อย่างสมบูรณ์เท่า

ในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 8,623 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 12% จากปีที่ผ่านมาเนื่องจากยอดการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์และการขายอาหารว่างและเครื่องดื่มเติบโตขึ้นจากการมีภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่เป็นที่นิยมหลายเรื่องและการเพิ่มจำนวนจอภาพยนตร์ 41 จอ ส่วนธุรกิจสื่อภาพยนตร์นั้นช่วยสนับสนุนรายได้โรงภาพยนตร์แต่ผลประกอบการยังไม่มีกำไร สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ แต่รายได้ของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 6,605 ล้านบาท โดยรายได้จากการฉายภาพยนตร์และการขายอาหารว่างและเครื่องดื่มปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาตามการเพิ่มจำนวนจอภาพยนตร์ 67 จอ การเติบโตที่ชะลอตัวส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ชมภาพยนตร์ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาเฉลี่ยของตั๋วภาพยนตร์ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากบริษัทลดการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณายังเพิ่มขึ้น 12% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมากกว่าอัตราการใช้งบโฆษณาโดยรวมผ่านสื่อต่าง ๆ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 27.9% ในปี 2556 เป็น 29.0% ในปี 2557 และ 30.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 52% และ 45% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายทั้งหมดตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจโฆษณามีค่าใช้จ่ายต่ำจึงสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ

หนี้สินรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 4,563 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 เป็น 4,685 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 โดยภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายสาขา จึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 59.9% ในปี 2557 เป็นระดับ 60.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเงินทุนจากการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 1,437 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 2,031 ล้านบาทในปี 2557 และอยู่ที่ 1,301 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ทั้งนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายสาขา อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับเพิ่มขึ้นจาก 16.0% ในปี 2556 เป็น 22.7% ในปี 2557 แต่ปรับตัวลดลงเป็น 19.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.0 เท่าในปี 2556 เป็น 4.2 เท่าในปี 2557 และ 4.6 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ในช่วงอีก 12 เดือนต่อจากนี้ไปบริษัทมีภาระในการชำระหนี้จำนวน 3,353 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ใช้สำหรับเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานจำนวน 2,442 ล้านบาทและหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 800 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีเงินสดจำนวน 402 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารหลายแห่งจำนวน 5,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนที่เพียงพอสำหรับภาระหนี้ดังกล่าว ณ เดือนกันยายน 2558 มูลค่าทางการตลาดของเงินลงทุนที่สำคัญของบริษัทมีมูลค่า 6,580 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนใน บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (MPIC) ใน บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF) ในกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) และใน PVR Ltd. มูลค่าทางการตลาดที่อยู่ในระดับสูงจากการลงทุนเหล่านี้จะเป็นส่วนเสริมให้แก่บริษัทหากต้องการเงินทุน

ในช่วงปี 2559-2562 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะเติบโตในระดับปานกลางจากแผนการขยายสาขา โดยคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 30% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนจอภาพยนตร์ให้เป็น 1,000 จอภายในปี 2563 ส่งผลให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาทในระหว่างปี 2558-2562 นอกจากนี้ บริษัทยังมีงบในการซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์อีกปีละประมาณ 350 ล้านบาทด้วย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60% ทั้งนี้ เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2,000 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะสูงกว่าระดับ 22% ส่วนอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4 เท่า

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MAJOR165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A-
MAJOR178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ