ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. น้ำตาลมิตรผล” ที่ “A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 6, 2017 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำตลาดของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำตาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนการกระจายตัวในระดับปานกลางทางด้านการดำเนินงานในเชิงภูมิศาสตร์ แบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับ กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ และการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากวัฏจักรของราคาน้ำตาล ความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อย รวมถึงความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของธุรกิจน้ำตาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทน้ำตาลมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนได้ต่อไป ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจากฐานการผลิตขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการผลิตที่ดี ตลอดจนฐานลูกค้าและตราสินค้าที่แข็งแกร่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ได้แม้จะมีการเปิดเสรีอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศไทยก็ตาม

อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตมีโอกาสปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทและสถานะทางการตลาดของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดหมายไว้จนส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง การลงทุนขนาดใหญ่ที่ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอ่อนแอลงก็เป็นปัจจัยที่มีผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตด้วยเช่นกัน ในขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทในระยะสั้นนั้นมีอยู่ไม่มากจากสถานะการเงินในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแรงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง

บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจซึ่งถือหุ้นในบริษัท 100% ผ่านทาง บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด บริษัทน้ำตาลมิตรผลมีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย จีน ลาว และออสเตรเลีย ในฤดูการผลิต 2558/2559 บริษัทมีผลผลิตน้ำตาลจาก 4 ประเทศรวมทั้งสิ้น 3.43 ล้านตัน

บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทยมาอย่างยาวนานโดยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ ในฤดูการผลิต 2558/2559 โรงงานในประเทศไทยของบริษัททั้ง 6 แห่งผลิตน้ำตาลได้ 1.86 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.1% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศ บริษัทยังเป็น 1 ใน 2 ของผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีนด้วย โดยเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 6 แห่งที่ให้ผลผลิตน้ำตาลรวม 0.9 ล้านตันในปีการผลิต 2558/2559 ส่วนโรงงานน้ำตาลของบริษัทในประเทศลาวและในประเทศออสเตรเลียผลิตน้ำตาลรวมกันได้ 0.6 ล้านตันในฤดูการผลิต 2558/2559 นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลแล้ว บริษัทยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจโลจิสติกส์

ในปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 88,316 ล้านบาท ธุรกิจน้ำตาลเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ในสัดส่วนสูงที่สุดคิดเป็น 80% ของรายได้รวม โดยรายได้จากธุรกิจน้ำตาลในไทยมีสัดส่วน 43% ในขณะที่รายได้จากประเทศจีนมีสัดส่วน 29% ของรายได้รวม รายได้จากธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและออสเตรเลียมีสัดส่วนเพียง 7% ในขณะที่รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอลคิดเป็น 14% ของรายได้รวม

ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งทำให้ผลผลิตน้ำตาลของบริษัทลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหลือเพียง 3.43 ล้านตันในปีการผลิต 2558/2559 ปัญหาความแห้งแล้งในภูมิภาครวมทั้งผลผลิตน้ำตาลที่ลดลงในประเทศผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อื่น ๆ ของโลกส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลทั่วโลกมีปริมาณลดลง ทำให้ปีการผลิต 2558/2559 เป็นปีแรกในรอบ 6 ปีที่น้ำตาลโลกเกิดภาวะขาดดุล

ราคาน้ำตาลตกสู่ระดับต่ำสุดในปี 2558 และฟื้นตัวอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 จากภาวะขาดดุลน้ำตาลและปริมาณสต็อคน้ำตาลที่ลดลงทั่วโลก ราคาน้ำตาลทรายดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 22.9 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนตุลาคม 2559 หลังจากลงไปถึงระดับต่ำสุดที่ 10.67 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนสิงหาคม 2558 ราคาน้ำตาลทรายดิบยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 20.9 เซนต์ต่อปอนด์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 และ 20.5 เซนต์ต่อปอนด์ในเดือนมกราคม 2560 ธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยของบริษัทยังไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำตาลมากนักเนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าทั้งหมดก่อนราคาน้ำตาลจะปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับผู้ผลิตน้ำตาลในประเทศไทยรายอื่น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับผลประกอบการธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนนั้นได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและปริมาณอ้อยที่ลดลง เนื่องจากสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของพื้นที่เพาะปลูกแม้ว่าราคาขายจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ รายได้และกำไรของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่ลดลงและราคาขายไฟฟ้าและเอทานอลที่ปรับตัวลดลงอีกด้วย ดังนั้น รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 จึงปรับตัวลดลง 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 66,847 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทต่อรายได้รวมซึ่งรวมกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าปรับตัวลดลงเป็น 15.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 จาก 18.6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลง 23.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 11,408 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เงินทุนจากการดำเนินงานก็ลดลง 23.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 8,771 ล้านบาท อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.4 เท่า เทียบกับ 6-6.6 เท่าในปี 2556-2558 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังอยู่ในระดับเพียงพอที่ 14.9% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 อัตราส่วนการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับ 51%-53% ในช่วงสิ้นปี 2557 จนถึงเดือนกันยายน 2559

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2560 ผู้ผลิตน้ำตาลในประเทศไทยส่วนใหญ่รวมถึงบริษัทได้ทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในสัดส่วน 70%-80% ของปริมาณขายในปี 2560 ราคาขายล่วงหน้าที่ทำสัญญาไว้มีระดับสูงกว่าราคาขายเฉลี่ยในปีก่อนหน้าราว 30% แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลในประเทศไทยและจีนจะลดลงบางส่วนในปีการผลิต 2559/2560 แต่บริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำตาลมากกว่า ดังนั้นคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณ 18,000-21,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2560-2562 ภายใต้สมมติฐานกรณีฐานเมื่อเทียบกับ EBITDA ที่ระดับประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2556-2559 บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี และบริษัทยังได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายให้เพิ่มกำลังการหีบอ้อยรวม 80,000 ตันอ้อยต่อวัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะทยอยลงทุนในเวลาหลายปีข้างหน้า จึงคาดว่าบริษัทยังคงบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับปานกลางได้ ดังนั้นคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะดีขึ้นจากปี 2559 มาอยู่ในระดับ 20%-25% ในปี 2560-2562 ในขณะที่คาดว่าอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับ 6-8 เท่า

ในเดือนตุลาคม 2559 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีและข้อตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก และในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลของไทยได้อนุมัติในหลักการยกเลิกระบบโควตาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และมีแนวคิดที่จะยกเลิกการควบคุมราคาน้ำตาลภายในประเทศ โดยปล่อยให้ราคาน้ำตาลภายในประเทศลอยตัวตามราคาตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานอยู่ในระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพร้อมทั้งศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะเสนอ พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายฉบับใหม่ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ. ที่จะเกิดต่อผู้ผลิตน้ำตาลยังไม่ชัดเจนในขณะนี้เนื่องจากการแก้ไขยังไม่แล้วเสร็จ

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MPSC175A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MPSC179A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
MPSC185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
MPSC18OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
MPSC199A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
MPSC199B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
MPSC209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
MPSC20OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
MPSC20OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,850 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
MPSC219A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
MPSC21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
MPSC229A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
MPSC22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
MPSC233A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
MPSC249A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
MPSC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
MPSC259A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
MPSC26DA: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
MPSC28DA: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
MPSC186A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 126 ล้านหยวน ไถ่ถอนปี 2561 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ