ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรระดับ “BBB-” ของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ที่ระบุว่าคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด โดยบริษัทจะซื้อหุ้นทั้งหมดจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งประกอบด้วย บริษัท พราว บีชคลับหัวหิน จำกัด (ถือหุ้นในบริษัทพราวด์
เรสซิเดนซ์ 70%) บริษัท พีเอ็น แคปปิตอล จำกัด (30%) และนายธงชัย บุศราพันธ์ (ถือหุ้นจำนวน 1 หุ้น) โดยต้นทุนในการทำธุรกรรมดังกล่าวประกอบด้วยเงินสำหรับชำระค่าหุ้นจำนวน 4,000 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นบริษัทพราวด์ เรสซิเดนซ์และภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทพราวด์ เรสซิเดนซ์อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการของบริษัทยังได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดยให้ขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทพราวด์ เรสซิเดนซ์ ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อแลกกับหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 5% กับผู้ถือหุ้นใหม่ด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะชำระค่าหุ้นจำนวน 4,000 ล้านบาทด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,000 ล้านบาท และจากการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
เครดิตพินิจแนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” สะท้อนความไม่แน่นอนของความสำเร็จจากธุรกรรมดังกล่าวซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นของบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นอกจากนี้ อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับของบริษัทยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของบริษัทภายหลังเมื่อการซื้อกิจการแล้วเสร็จด้วยเช่นกัน
อนึ่ง บริษัทพราวด์ เรสซิเดนซ์เป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียม พาร์ค 24 ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 กับซอยสุขุมวิท 24 โครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสที่ 1 มีมูลค่าโครงการ 5,900 ล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 มีมูลค่าโครงการ 11,100 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีมูลค่าของห้องชุดที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายทั้งสิ้น 10,900 ล้านบาท โดยโครงการเฟสที่ 1 จะสามารถโอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ภายในช่วงปลายปีนี้ ในขณะที่โครงการเฟสที่ 2 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2561
การซื้อกิจการและการเพิ่มทุนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 อย่างไรก็ดี การทำธุรกรรมเหล่านี้จะต้องได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2560 เนื่องจากผลสำเร็จของการทำธุรกรรมดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ทริสเรทติ้งจะติดตามความก้าวหน้าของการทำธุรกรรมดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและจะทำการแก้ไขประกาศ “เครดิตพินิจ” อีกครั้งต่อไปหลังธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นและทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์ผลอย่างละเอียดแล้ว