ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ผาแดง อินดัสทรี” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 8, 2019 14:15 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกำไรที่มั่นคงจากโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากประวัติผลงานในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่ค่อนข้างสั้น ตลอดจนความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการรีไซเคิลโลหะที่อยู่ในระดับสูง และหนี้สินที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

กลยุทธ์มุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว

บริษัทผาแดงอินดัสทรีเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งแต่ปี 2557 บริษัทได้ตัดสินใจที่จะยุติธุรกิจสังกะสีที่มีความผันผวนและเริ่มการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเริ่มปิดเหมืองที่อำเภอแม่สอด โรงถลุงสังกะสี และโรงย่างแร่ของบริษัท รวมไปถึงการลดพนักงานจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้เริ่มซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายแห่งทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นไปพร้อมกันด้วย

บริษัท คันทรีกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของบริษัทจากการทำเหมืองและการค้าแร่สังกะสีไปสู่ธุรกิจที่มีความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาคณะผู้บริหารชุดใหม่ การดำเนินมาตรการลดต้นทุน และการกลับไปพิจารณาการศึกษาโครงการต่างๆ ที่บริษัทเคยวางแผนจะลงทุน

เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจใหม่ ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่าทิศทางธุรกิจหรือขอบเขตการลงทุนของบริษัทนั้นยังไม่แน่นอน และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของทีมผู้บริหารชุดใหม่นี้

กระแสเงินสดที่แน่นอนจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า

กลยุทธ์มุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวของบริษัทนั้นจะคลอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจรีไซเคิลวัสดุโลหะ และธุรกิจกำจัดของเสีย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ในขณะนี้นั้นมีเพียงธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่บริษัทซื้อกิจการมาเท่านั้น ในมุมมองของเรา ธุรกิจพลังงานทดแทนน่าจะยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต

อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลกำไรที่แน่นอนของบริษัทจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 9 โครงการซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 49.3 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโครงการ 7 แห่ง (36.3 เมกะวัตต์) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยและอีก 2 แห่งที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (13 เมกะวัตต์)

ทริสเรทติ้งคาดว่าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสร้างผลกำไรที่แน่นอนอันเป็นผลจากการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้รับซื้อที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินและความเสี่ยงในการปฏิบัติงานที่ต่ำของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้านั้นอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามปริมาณไฟฟ้าที่ความน่าจะเป็นของการผลิตได้ที่ 50% (P50) หรือมากกว่า โครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดน่าจะสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายได้ในระดับประมาณ 430 ล้านบาทต่อปี

มีประวัติผลงานในธุรกิจไฟฟ้าที่สั้น

การมีประวัติการดำเนินงานในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่สั้นนั้นเป็นปัจจัยที่ลดทอนอันดับเครดิตของบริษัท บริษัทยังได้มองหาโอกาสที่จะเติบโตจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในขณะที่ ผู้บริหารของบริษัทยังไม่มีประวัติในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีความซับซ้อนดังกล่าว โดยประสบการณ์ที่ผู้บริหารมีนั้นก็มีจำกัดเฉพาะแค่การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น

ทริสเรทติ้งยังมองเห็นข้อเสียเปรียบจากการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนที่ค่อนข้างช้าโดยบริษัทมีแนวโน้มที่จะต้องซื้อโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วจากเจ้าของเก่าหรือแสวงหาโครงการใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการซื้อกิจการโครงการที่มีอยู่แล้วมักให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าโครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่แรก ในขณะที่การลงทุนในต่างประเทศก็อาจทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของประเทศที่เข้าไปลงทุน ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ และความเสี่ยงของคู่สัญญา เป็นต้น นอกจากนี้ อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับโครงการพลังงานทดแทนใหม่ ๆ ในประเทศไทยก็คาดว่าจะลดน้อยลงเช่นกัน จากการแข่งขันในรูปแบบของการประมูลและการลดลงของอัตราค่าไฟฟ้าอีกด้วย

ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการรีไซเคิลโลหะที่อยู่ในระดับสูง

บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture -- JV) ภายใต้ชื่อ PDI-CRT Co., Ltd. (PDI-CRT) ร่วมกับบริษัท Carbon Reduction Technology AS (CRT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิลจากประเทศนอร์เวย เพื่อที่จะพัฒนาโครงการรีไซเคิลโลหะอีกด้วย โดยโครงการจะทำหน้าที่สกัดโลหะที่มีค่าจากฝุ่นเหล็กซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเหล็ก

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการดังกล่าวนั้นมีสูงอันเนื่องมาจากใช้เทคโนโลยีที่ไม่คุ้นเคย ทั้งนี้ PDI-CRT จะเป็นโครงการแรกในทวีปเอเชียที่ใช้เทคโนโลยี Ultra-high-temperature (UHT) โดยมี ScanArc Plasma Technology AB (ScanArc) ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีจากประเทศสวีเดนคอยให้การสนับสนุน เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่จำกัดในธุรกิจนี้ จึงทำให้บริษัทมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาเจ้าของเทคโนโลยีเป็นอย่างมากทั้งในแง่ของการดำเนินงานและการถ่ายโอนความรู้ต่าง ๆ ในขณะที่สถานะทางการเงินของ ScanArc นั้นก็ถือว่าอ่อนแอมาก จึงทำให้มีความไม่แน่นอนต่อความสามารถของ ScanArc ในการให้ความช่วยเหลือในระยะยาวแก่บริษัท นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวก็มีความล่าช้ามานานเนื่องจากบริษัทพยายามที่จะแสวงหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายของวัตถุดิบและยกระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของโครงการอีกด้วย

คาดว่าสัดส่วนหนี้สินจะสูงขึ้น

สถานะทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มจะด้อยลงในระยะใกล้ถึงปานกลางจากแผนการลงทุนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ ทริสเรทติ้งมองว่าโครงการที่มีโอกาสจะพัฒนาได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้ของประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกลางในประเทศญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะมีกำลังการผลิตรวมที่ประมาณ 125 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยนั้น บริษัทจะร่วมมือกับ Canadian Solar Inc ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากประเทศจีนในการพัฒนาโครงการถ้าหากบริษัทได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ ๆ ในอนาคต

ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งได้รวมเงินลงทุนทั้งในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นและเงินลงทุนในโครงการ PDI-CRT เพื่อที่จะประเมินระดับหนี้สูงสุดที่เป็นไปได้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะต้องใช้เงินทุนประมาณ 8,000-8,500 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ภาระหนี้เงินกู้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์จะใช้เงินกู้เป็นหลักคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70%-80% ของมูลค่าโครงการ ดังนั้น เราคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 60%-62% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากระดับต่ำในปัจจุบันที่ 15.4% ณ เดือนกันยายน 2561 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 15% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เงินสดในมือจำนวนมากช่วยสนับสนุนสภาพคล่อง

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอโดยแหล่งเงินทุนสามารถครอบคลุมการใช้เงินในอีก 12 เดือนข้างหน้าได้ ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาทและเงินทุนจากการดำเนินงานอีกประมาณ 360 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาเดียวกันจะประกอบด้วยการชำระหนี้เงินกู้ประมาณ 220 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังเห็นว่าบริษัทมีปริมาณเงินสำรองและสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในการบูรณะและฟื้นฟูสภาพป่าไม้ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับคดีฟ้องร้องในเรื่องปัญหาการปนเปื้อนของสารแคดเมียมในพื้นที่การทำเหมืองของบริษัท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจสังกะสีจะยุติการดำเนินการโดยสมบูรณ์ในไตรมาสแรกของปี 2562 ในขณะที่บริษัทจะตัดสินใจลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่บริษัทศึกษา

• ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงเหลือ 1,160 ล้านบาทในปี 2562 แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 2564

• อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (รายได้จากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด) ของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60%-70% อันเนื่องจากอัตรากำไรที่สูงของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ของบริษัทจะดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะยาว ในขณะเดียวกันภาระหนี้ของบริษัทจะสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะมีความระมัดระวังในการคัดเลือกโครงการที่จะลงทุนใหม่โดยเฉพาะโครงการที่มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งบริษัทจะไม่แข่งขันในการประมูลโครงการใหม่อย่างเกินตัวซึ่งอาจจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลงอย่างมาก

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตการลงทุน ในขณะเดียวกันกับที่บริษัทยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคงเอาไว้ได้

ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการปรับลดลงหากภาระหนี้ของบริษัทสูงกว่าที่

ทริสเรทติ้งคาดไว้ หรือสภาพคล่องของบริษัทนั้นอ่อนแอกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ ในขณะที่การลงทุนที่ผิดพลาดซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากก็อาจทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตได้ด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ