ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2020 20:31 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้

ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตลอดจนแบรนด์สินค้าและรายได้ในธุรกิจบ้านจัดสรรที่เติบโตมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการมีกระแสรายได้จากค่าเช่าที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากภาระหนี้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการขยายธุรกิจในเชิงรุก ประกอบกับความกังวลต่อผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ซึ่งส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อธุรกิจโรงแรมและอาจสร้างแรงกดดันต่อความต้องการที่อยู่อาศัยและความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นถึงปานกลางเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์และเพิกถอนบริษัทจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ก็กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 99.44% ในการนี้ ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจโรงแรมของบริษัทช่วยเสริมธุรกิจของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ซึ่งมีเพียงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมประเภทโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าเท่านั้น สืบเนื่องจากสถานะในการเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างเต็มที่ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจและการจัดหาแหล่งเงินทุน

บริษัทเป็นผู้สร้างรายได้จากการดำเนินงานรวมและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ เป็นหลัก โดยในช่วงปีการเงิน 2562 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 ผลการดำเนินงานของบริษัทคิดเป็นประมาณ 90% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ และประมาณ 60% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายรวม ในขณะที่สินทรัพย์ของบริษัทคิดเป็น 50% ของสินทรัพย์รวมของกลุ่ม ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าผลการดำเนินงานของบริษัทจะมีสัดส่วนประมาณ 90% และ 50% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ตามลำดับ

การยอมรับในแบรนด์สินค้าและรายได้ในธุรกิจบ้านจัดสรรที่เติบโตยิ่งขึ้น

ทริสเรทติ้งมองว่าแบรนด์สินค้าในตลาดบ้านจัดสรรของบริษัทได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเติบโตถึง 1.55 หมื่นล้านบาทในปีการเงิน 2562 จาก 7-9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558 จนถึงปีการเงิน 2560 และลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีการเงินที่แล้วมาอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 ซึ่งทาวน์เฮ้าส์ยังคงเป็นสินค้าหลักโดยมีสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยในปีการเงิน 2560 จนถึง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยของบริษัทจะอยู่ที่จำนวน 1.4-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปีในปีการเงิน 2563-2566 ตามแผนการเปิดโครงการใหม่มูลค่าประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปีของบริษัท ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 57 โครงการ และประมาณ 90% ของโครงการทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด โดยมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) จำนวน 2.91 หมื่นล้านบาทและมียอดขายรอการรับรู้รายได้มูลค่า 2.4 พันล้านบาท ซึ่งยอดขายรอการรับรู้รายได้ดังกล่าวนี้คาดว่าจะส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงที่เหลือของปีการเงิน 2563-2564

อาคารสำนักงานให้เช่าได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 น้อยกว่าธุรกิจโรงแรม

อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์สำหรับให้เช่าของบริษัทประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 3 แห่ง ได้แก่ ?อาคารสาทร สแควร์? ?อาคารเอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์? และ ?อาคารโกลเด้น แลนด์ บิลดิ้ง? กับโรงแรมอีก 3 แห่ง ได้แก่ ?โรงแรมเมย์แฟร์ แมริออท? ?โรงแรมดิ แอสคอท สาทร? และ ?โรงแรมโมดิน่า? ทั้งนี้ ในปีการเงิน 2561-2562 อาคารสำนักงานและโรงแรมสร้างรายได้จำนวน 1 พันล้านบาทและ 0.5 พันล้านบาทต่อปีตามลำดับ อาคารสำนักงานมีอัตราการเช่าโดยเฉลี่ยสูงกว่า 90% และมีอัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยที่ระดับ 550-850 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือนในปีการเงิน 2561 จนถึง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 ทั้งนี้ อัตราการเช่าและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 จึงส่งผลให้รายได้ค่าเช่าจากโรงแรมลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 0.29 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานว่าอัตราการเช่าของอาคารสำนักงานจะยังคงสูงกว่า 90% โดยที่อัตราค่าเช่าในช่วงประมาณการจะไม่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่ารายได้ค่าเช่าจากอาคารสำนักงานจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในปีการเงิน 2563 และจะลดลงมาอยู่ที่ 0.5-0.6 พันล้านบาทต่อปีในปีการเงิน 2564-2566 เนื่องจากบริษัทจะไม่มีการรับรู้รายได้จากการตัดจำหน่ายค่าเช่ารับล่วงหน้าของอาคารสาทร สแควร์ตั้งแต่ปีการเงิน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานบัญชีและสิทธิการเช่าของอาคารโกลเด้น แลนด์ บิลดิ้งที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2565

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 0.25-0.3 พันล้านบาทต่อปีในปีการเงิน 2563-2564 จากประมาณ 0.5-0.6 พันล้านบาทต่อปี และจะปรับดีขึ้นเป็น 0.4 พันล้านบาทต่อปีในปีการเงิน 2565-2566 เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงคาดว่าจะยังไม่มีเข้ามาจนถึงกลางปี 2564 ทริสเรทติ้งจึงประเมินว่าอัตราการเช่าของโรงแรมแต่ละแห่งจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 30%-50% ในปีการเงิน 2563-2564 และจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นเป็น 50%-70% ในปีการเงิน 2565-2566 โดยคาดว่าอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยจะลดลง 15%-20% ในปีการเงิน 2563 และจะไม่เติบโตในปีการเงิน 2564 แต่หลังจากนั้นอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น 3% ต่อปีในปีการเงิน 2565-2566

ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยาวนาน

ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศโดยรวมเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีความผันผวนมากกว่าภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไป การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่กินเวลายาวนานอาจส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงและกดดันความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณหนี้เสียก็อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย กำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านที่ลดลงเมื่อบวกกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดยิ่งขึ้นจะส่งผลลบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ซื้อบ้านระดับราคาปานกลางถึงต่ำซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท จากสภาวการณ์ดังกล่าวบริษัทจึงจำเป็นจะต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการเปิดโครงการใหม่

เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดคอนโดมิเนียมจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอตัวลง ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าผู้ประกอบการหลายๆ รายจะหันมาเปิดโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งน่าจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและต้นทุนค่าที่ดินในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่แพงขึ้นด้วย โดยอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยของบริษัทอาจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 27%-31% ในปีการเงิน 2563-2566 จากระดับที่สูงกว่า 31% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิอาจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7%-9% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมในช่วง 3 ปีข้างหน้าจาก 10%-13% ในช่วงปี 2559 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563

ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจเชิงรุก

รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทเติบโตเป็นอย่างมากถึง 1.57 หมื่นล้านบาทในปีการเงิน 2561 และ 1.74 หมื่นล้านบาทในปีการเงิน 2562 จาก 8 พันล้านบาท ? 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558 จนถึงปีการเงิน 2560 อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานรวมลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 การขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 55% ณ เดือนกันยายน 2562 และ 58% ณ เดือนมิถุนายน 2563 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินก็ลดลงมาอยู่ที่ 11% ในปีการเงิน 2562 และ 7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายก็เพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 จากประมาณ 6 เท่าในปีการเงิน 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะคงอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่า 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปีและยังมีแผนใช้เงินอีกจำนวน 5-6 พันล้านบาทต่อปีในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในปีการเงิน 2563-2566 โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่จะเปิดใหม่เกือบทั้งหมดคาดว่าจะเป็นโครงการบ้านจัดสรร แม้ว่าจะมีแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะมีความต้องการแหล่งเงินทุนในระดับปานกลางเนื่องจากโครงการบ้านจัดสรรมีระยะเวลาในการพัฒนาที่สั้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนสุทธิให้ต่ำกว่า 55% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในช่วง 5%-8% เอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไม่ให้เกินกว่า 8 เท่าเพื่อคงอันดับเครดิต/แนวโน้มอันดับเครดิตไว้ที่ระดับปัจจุบัน

สภาพคล่องทางการเงินคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่

ณ เดือนมิถุนายน 2563 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 1 พันล้านบาท รวมถึงวงเงินกู้โครงการที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 2.1 พันล้านบาทและวงเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 3.5 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งประมาณการว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 8 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นสำหรับซื้อที่ดินและใช้ในการดำเนินงานจำนวน 5.5 พันล้านบาท เงินกู้โครงการจำนวน 1.5 พันล้านบาท และหุ้นกู้อีกจำนวน 1 พันล้านบาท

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นเพื่อซื้อที่ดินให้เป็นเงินกู้โครงการระยะยาวในภายหลังและจะต่ออายุตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นเพื่อใช้ในการดำเนินงานออกไปหรือจ่ายชำระคืนภายใน 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่เงินกู้โครงการนั้นบริษัทจะจ่ายชำระคืนด้วยกระแสเงินสดจากการโอนที่อยู่อาศัย ส่วนหุ้นกู้จำนวน 1 พันล้านบาทซึ่งครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคม 2563 นั้นบริษัทได้จ่ายชำระคืนด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว

ภายหลังจากการรวมกิจการกับบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ แล้ว แหล่งเงินทุนในอนาคตของบริษัทจะมาจากบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ เป็นหลัก โดยที่การจัดหาแหล่งเงินทุนจะรวมเป็นกลุ่มบริษัทและบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ จะเป็นผู้ให้เงินกู้ยืมและสนับสนุนเงินลงทุนต่างๆ ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ ตามนโยบายการจัดหาแหล่งเงินทุนของกลุ่มบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจ่ายชำระคืนหุ้นกู้คงเหลือมูลค่า 9.5 พันล้านบาทด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานหรือเงินกู้ยืมจากบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ

ตามเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ธนาคารและหุ้นกู้กำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2 เท่า ซึ่ง ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.24 เท่า ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีการเงิน 2563-2566 มีดังนี้

? บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี

? งบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ที่ 5-6 พันล้านบาทต่อปี

? รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี

? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วง 27%-31% ของรายได้จากการดำเนินงานรวม ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในช่วง 7%-9%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ต่อไปได้ แม้ว่าการแข่งขันในตลาดบ้านจัดสรรจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ให้อยู่ที่ระดับ 13%-15% เอาไว้ได้ในระหว่างปีการเงิน 2563-2565 ทั้งนี้ บริษัทควรรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้ต่ำกว่าระดับ 55% เอาไว้ด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทเองและขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของกลุ่มด้วย โดยผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของกลุ่มที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้าม ผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของกลุ่มที่อ่อนแอลงจะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
  • วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GOLD)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GOLD22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565                                                   A-
GOLD252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568                                                   A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	Stable



บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ