ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 18, 2021 15:42 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทลูกหลักของบริษัทคือ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานเงินทุน รวมทั้งภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัท ตลอดจนสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพออีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากสถานะความเสี่ยงที่เกิดจากความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับเงินลงทุนของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์

สถานะทางธุรกิจของคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีปัจจัยสนับสนุนจากเสถียรภาพทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นของ บล. คันทรี่กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลัก ทั้งนี้ บล. คันทรี่กรุ๊ป มีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.3% ในปี 2563 จากระดับ 1% ในปี 2561 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.4% ในไตรมาสแรกของปี 2564 ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกันและอยู่ในอันดับที่ 1 ของอุตสาหกรรมในปี 2563 ด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 12.6% จากระดับ 2.6% ในปี 2561 และต่อมาในไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 13.8% โดยพัฒนาการดังกล่าวเกิดจากฐานลูกค้าที่ขยายตัวขึ้นจากการขยายทีมงานด้านการตลาดและการจัดงานส่งเสริมการขายที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

บล. คันทรี่กรุ๊ป มีแผนจะขยายทีมงานด้านการตลาดและพัฒนาโครงการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ (Online Trading Platform) เพื่อให้ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นของ บล. คันทรี่กรุ๊ป ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะส่งเสริมให้สถานะทางธุรกิจของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

การพึ่งพารายได้ค่านายหน้า

บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ พึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จาก บล. คันทรี่กรุ๊ป เป็นแหล่งรายได้หลักเมื่อพิจารณาจากงบการเงินรวม ในขณะที่รายได้ค่านายหน้าฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นก็อาจส่งผลให้รายได้ของทั้งบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บล. คันทรี่กรุ๊ป ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดได้เช่นกัน ดังนั้น บล. คันทรี่กรุ๊ป จึงต้องมีการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์จาก บล. คันทรี่กรุ๊ป คิดเป็น 68% ของรายได้รวมของบริษัท ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 59% เล็กน้อย ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการยังคงมีสัดส่วนไม่สูงมากโดยอยู่ที่ 8% ของรายได้รวม ซึ่งเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 18% แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหน่วยลงทุน (Selling agent fee) จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม

บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีสัดส่วนรายได้ที่มาจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่ปรับตัวดีขึ้นโดยอยู่ที่ระดับ 7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 จากระดับ 4% ในปี 2563 จากผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสัดส่วนรายได้ดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่ยังไม่มีนัยสำคัญ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ของบริษัทมาอยู่ที่ 39% จาก 25% และการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายการลงทุนของบริษัทผาแดงอินดัสทรีไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นปัจจัยที่กดดันต่อสถานะเครดิตโดยรวมของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ทั้งนี้ เสถียรภาพของรายได้และผลกำไรของบริษัทในกลุ่มที่ปรากฏเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนจึงถือว่าจะเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาสถานะเครดิตของกลุ่ม

ฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรยังคงแข็งแกร่ง

อันดับเครดิตของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีปัจจัยสนับสนุนจากฐานทุนและภาระหนี้ที่ได้รับการประเมินว่าอยู่ในระดับเข้มแข็งโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 17% โดยเฉลี่ย 5 ปี ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าฐานทุนของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในระยะปานกลางจากการมีกำไรสะสมที่เกิดจากความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นของ บล. คันทรี่กรุ๊ป และจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระมัดระวังของบริษัท อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริษัทที่นำไปสู่ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกดดันต่อการประเมินฐานทุนและภาระหนี้และท้ายที่สุดก็จะส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้

ทริสเรทติ้งประเมินฐานทุน ตลอดจนภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทโดยอยู่บนพื้นฐานความสามารถในการสร้างผลกำไรที่อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.3% จากระดับ 0.4% ในระหว่างปี 2562-2563 เนื่องจากกำไรก่อนภาษีเงินได้ที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตด้วยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับประมาณ 0.7% โดยเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งน่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้และการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เข้มแข็งขึ้นของ บล. คันทรี่กรุ๊ป

สถานะทางความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง

สำหรับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นั้น ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่า บล. คันทรี่กรุ๊ป มีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงทางด้านเครดิตในระดับที่ยอมรับได้โดยจะเห็นได้จากเกณฑ์การอนุมัติวงเงินสินเชื่อที่รัดกุมและนโยบายการวางหลักประกันสำหรับทั้งเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่มีความเข้มงวด ซึ่งปรากฏให้เห็นจากการที่บริษัทมีต้นทุนทางเครดิตที่ระดับ 0.01% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 โดยเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.04%

บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีของบริษัทเอง (Principal Trading) ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อขายตราสารหนี้ (Fixed Income Trading) ตลอดจนการซื้อขายหลักทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Tactical Trading) และการลงทุนในหุ้นระยะยาว (High-conviction Equity) อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เพียงพอที่จะป้องกันผลขาดทุนจำนวนมากที่เหนือความคาดหมายจากธุรกรรมดังกล่าวซึ่งรวมไปถึงเกณฑ์การควบคุมผลขาดทุน (Stop Loss Criteria) การจำกัดผลขาดทุนต่อพนักงานที่ทำการซื้อขาย (Loss Limit per Trader) และการจำกัดจำนวนเงินลงทุน (Investment Holding Limit)

ในมุมมองของทริสเรทติ้ง ความกังวลต่อเงินลงทุนของบริษัทเป็นปัจจัยกดดันสถานะความเสี่ยงของบริษัทเนื่องจากเงินลงทุนจำนวนมากในบริษัทที่มีกระแสเงินสดไม่คงที่นั้นอาจสร้างแรงกดดันต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้ตัวอย่างเช่น บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ผาแดงอินดัสทรี (ได้รับอันดับเครดิต BB/Negative จากทริสเรทติ้ง) เป็น 39% จาก 25% ผ่านทางการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ผาแดงอินดัสทรีด้วยเงินลงทุนทั้งหมด 565 ล้านบาท บริษัท ผาแดงอินดัสทรีได้เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจอย่างสิ้นเชิงจากธุรกิจพลังงานซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ที่แน่นอนในมุมมองของทริสเรทติ้งไปสู่ธุรกิจด้านการให้บริการซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการให้บริการยังคงมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (Bound and Beyond, ชื่อย่อ BEYOND) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจดังกล่าวอีกด้วย

แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอโดยพิจารณาจากอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพโดยเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับประมาณ 117% และอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องที่ประมาณ 1.2 เท่าตามงบการเงินรวมซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพเพียงพอสำหรับการดำเนินงาน โดยแม้ว่าบริษัทจะไม่มีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินใด ๆ แต่พอร์ตเงินลงทุนของบริษัทก็สามารถใช้เป็นแหล่งสภาพคล่องในยามจำเป็นได้ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นจำนวน 2.9 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังสามารถเข้าถึงตลาดเงินและตลาดทุนซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้อีกด้วย อนึ่ง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีหุ้นกู้คงค้างจำนวน 880 ล้านบาทตามงบการเงินรวม

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2564-2566 มีดังนี้

? ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.5%-3%

? อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.07%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60%

? เงินลงทุนในบริษัทร่วมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2 พันล้านบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า บล. คันทรี่กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์และผลการดำเนินงานทางการเงินเอาไว้ได้เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับฐานทุนและภาระหนี้เอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงดำรงนโยบายในการลงทุนที่ระมัดระวังไปด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการตลาดของธุรกิจในทุก ๆ สายงานของ บล. คันทรี่กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัทนั้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่องในขณะที่บริษัทยังคงความสามารถในการสร้างผลกำไรเอาไว้ได้ รวมถึงในกรณีที่การลงทุนในอนาคตของบริษัทนำมาซึ่งแหล่งรายได้ที่หลากหลายทและเป็นรูปธรรม ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากรายได้ของ บล. คันทรี่กรุ๊ป หรือผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทเองปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือระดับภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนทำให้สถานะของฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทอ่อนแอลง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563

บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (CGH)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ