ไทยและรัสเซียกระชับความสัมพันธ์ เดินหน้าขยายการค้าและการลงทุน ผลักดันมูลค่าการค้าเพิ่ม 5 เท่า ภายในปี 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 24, 2017 14:32 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ไทยและรัสเซียประสบความสำเร็จในการประชุมหารือยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ลดอุปสรรค ส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายมูลค่าการค้า 5 เท่าภายใน 5 ปี หรือ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ตามที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ตั้งไว้ในโอกาสการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559

เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Sub-Commission on Trade and Economic Cooperation) ระดับรัฐมนตรี ระหว่างไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 3ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจ (นายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ) เป็นประธานร่วมในการประชุม

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าไทยและรัสเซียได้เห็นพ้องกันว่าจะต้องเร่งขยายการค้าและการลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ตามที่ผู้นำตั้งเป้าไว้ผ่านการดำเนินงานต่างๆ เช่น เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์และประมงของไทยที่จะส่งออกไปรัสเซียให้เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่ชักช้า เพิ่มการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจของทั้งสองฝ่าย โดยไทยมีแผนจะจัดคณะธุรกิจเยือนกรุงมอสโก ในเดือนมิถุนายน 2560 และเมืองวลาดิวอสต็อก ในเดือนกันยายน 2560 เพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือวลาดิวอสต็อกซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญและมีศักยภาพของรัสเซียกับท่าเรือแหลมฉบังของไทย ตลอดจนเพิ่มช่องทางที่จะอำนวยความสะดวกการทำธุรกรรมทางการเงินในการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างสองประเทศ เป็นต้น

นางอภิรดี กล่าวว่า ไทยยังได้ใช้โอกาสนี้เสนอที่จะสนับสนุนนโยบายความมั่นคงทางอาหารของรัสเซีย โดยไทยพร้อมส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรให้รัสเซีย เช่น ข้าว น้ำตาล อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ ผักและผลไม้แปรรูป เป็นต้น ตลอดจนพร้อมส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ เครื่องประดับยนต์ ยางรถยนต์และยางธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นของรัสเซียในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ของกลุ่มประเทศ CIS (Commonwealth of Independent State : CIS) รวมทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรัสเซีย

ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยยังได้บรรยายสรุปและเชิญชวนให้นักธุรกิจของรัสเซียมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทยที่มุ่งสร้างให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ทันสมัยของอาเซียน โดยไทยจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขต EEC ดังกล่าวอาทิ ทางถนน ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ แผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และแผนการพัฒนาเมืองใหม่ พร้อมทั้งมีมาตรการดึงดูดการลงทุนที่รัฐบาลพร้อมให้สิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง จึงได้เชิญชวนรัสเซียเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในสาขาที่รัสเซียมีความเชี่ยวชาญ อาทิ อุตสาหกรรมดิจิทัลด้านซอฟแวร์ อากาศยาน เครื่องจักร เทคโนโลยีชีวภาพ วิทยาศาสตร์ขั้นสูง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยที่จะพัฒนา พร้อมทั้งเน้นย้ำจุดแข็งของไทยที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ใจกลางภูมิภาคอาเซียน และเป็นประตูไปสู่ประเทศในอาเซียนและเอเชีย ซึ่งรัสเซียสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าและเป็นแหล่งวัตถุดิบ นอกจากนี้ ไทยยังได้เชิญชวน นักธุรกิจรัสเซียเข้ามาลงทุนในโครงการ Rubber City อีกด้วย ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือพัฒนาความร่วมมือด้านการลงทุนใน EECในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาร่วมกัน

นางอภิรดี กล่าวเสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการเริ่มกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเริ่มการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union :EAEU ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณอาร์เมเนียและสาธารณรัฐคีร์กีซ มีประชากรกว่า 180 ล้านคน มูลค่า GDP ถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ)

ไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน โดยในปีนี้ ยังเป็นปีครบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ปัจจุบัน รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 33 ของไทยแต่เป็นคู่ค้าอันดับแรกในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) โดยรัสเซียเป็นตลาดขนาดใหญ่ของภูมิภาคด้วยประชากรกว่า 142 ล้านคน มั่งคั่งด้วยแหล่งพลังงาน (น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ) และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในปี 2559 การค้าไทย-รัสเซียมีมูลค่า 1,964 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปรัสเซีย ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ ผลไม้กระป๋อง เป็นต้น ในขณะที่สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้า ได้แก่ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เหล็กและผลิตภัณฑ์ ถ่านหิน เป็นต้น สำหรับนักธุรกิจที่ร่วมกิจกรรมดังกล่าวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

21 เมษายน 2560

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ