กรุงเทพโพลล์: ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้า

ข่าวผลสำรวจ Monday January 28, 2013 09:35 —กรุงเทพโพลล์

นักเศรษฐศาสตร์คาดเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 29 แห่ง จำนวน 60 คน เรื่อง “ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้า” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 18—25 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า

ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 56.75 เพิ่มขึ้น 11.57 จุด และเป็นระดับที่สูงกว่า 50 เป็นครั้งแรกนับจากการสำรวจในเดือนมกราคม ปี 2555 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานะแข็งแกร่งจากปี 2555 ที่เศรษฐกิจอยู่ ในสถานะอ่อนแออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยสถานะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้รับผลดีในหลายปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จากต่างประเทศและการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ส่วนปัจจัยการส่งออกสินค้าเป็นปัจจัยเดียวที่ยังอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ในระดับ 59.94 และเมื่อมองออกไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ในระดับ 63.82 หมายความว่า นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจ ไทยในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน โดยมีการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็น ปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ทั้งนี้ การที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้ม เศรษฐกิจของไทยที่สดใส

สำหรับประเด็นเศรษฐกิจใน 3-6 เดือนข้างหน้าที่นักเศรษฐศาสตร์เป็นห่วงมากที่สุด และอยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล เป็นพิเศษ มีดังนี้

1. ประเด็นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทที่จะส่งผลให้ต้นทุนการประกอบการเพิ่มสูงขึ้น และกระทบกับธุรกิจ SMEs โดยตรงและอาจส่งผลให้ เกิดปัญหาการว่างงานในอนาคตได้ (ร้อยละ 33.9)

2. การใช้จ่ายเงินในโครงการประชานิยมต่างๆ (โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว) อาจนำมาซึ่งปัญหาหนี้สาธารณะในอนาคต (ร้อย ละ 19.6)

3. ปํญหาค่าเงินบาทผันผวนจนอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก (ร้อยละ 10.7)

4. ปัญหาราคาสินค้า ค่าครองชีพ หรืออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ 10.7)

5. ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลและหนี้ของครัวเรือนที่เริ่มเห็นสัญญาณของปัญหา (ร้อยละ 10.7)

6. ปัญหาอื่นๆ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเบิกจ่ายงบประมาณ เศรษฐกิจโลก ปัญหาการเมือง เป็นต้น

(โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้)

หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้  เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ
                  นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด
ตารางที่ 1 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
                                2554                             2555                             2556  เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ               ม.ค.    เม.ย.    ก.ค.    ต.ค.    ม.ค.    เม.ย.   ก.ค.    ต.ค.    ม.ค.    (MoM)
 1)  การบริโภคภาคเอกชน             56      50     52.5    46.8    32.4     48.3      50   59.2      69     9.74
 2)  การลงทุนภาคเอกชน            49.4    45.6     50.8    48.4    20.7     44.1    46.7   51.5    55.1     3.56
 3)  การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ      58    55.7     52.6      54    45.7     57.1    51.7   46.2    61.4    15.19
 4)  การส่งออกสินค้า               65.2    69.3     69.2    66.4      20     36.2    23.8   11.4    24.6    13.22
 5)  การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ     53.1    53.5     59.7      54    23.2     50.9    55.7   57.6    73.7    16.15
               ดัชนีรวม           56.4    54.8     56.9    53.9    28.4     47.3    45.6   45.2    56.8    11.57

หมายเหตุ: ค่าดัชนีจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดย

ค่าดัชนีเท่ากับ 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะปกติ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ เดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับ ปัจจุบัน)

ค่าดัชนีสูงกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะแข็งแกร่ง (สำหรับสถานะ ปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ ดีขึ้น (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับ ปัจจุบัน)

ค่าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะอ่อนแอ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ แย่ลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน)

ตารางที่ 2 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 เดือนข้างหน้า (เปรียบเทียบกับปัจจุบัน)
                                         2554                              2555                             2556
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ                        ม.ค.    เม.ย.   ก.ค.     ต.ค.     ม.ค.    เม.ย.    ก.ค.    ต.ค.    ม.ค.
 1)  การบริโภคภาคเอกชน                    53.6     50.7    66.1     45.1    62.1       56    57.6    50.8    61.6
 2)  การลงทุนภาคเอกชน                     62.2     55.2    57.4     42.2    69.6     58.6    51.7    41.4    52.6
 3)  การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ             63.6     59.3    70.7     71.2    71.6       75    70.3    57.4    66.4
 4)  การส่งออกสินค้า                        47.6     48.6    49.1     31.4    54.4     65.8    42.4    30.2    55.4
 5)  การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ              63.6     39.4    67.2     47.4    59.3     56.8    58.3    56.2    63.8
ดัชนีรวม                                   58.1     50.6    62.1     47.5    63.4     62.4    56.1    47.2    59.9

ตารางที่ 3  ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 6 เดือนข้างหน้า (เปรียบเทียบกับปัจจุบัน)
                                        2554     2555                               2556
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ                       ต.ค.     ม.ค.     เม.ย.     ก.ค.    ต.ค.    ม.ค.
 1)  การบริโภคภาคเอกชน                    48.3     68.8      62.3    55.2    49.1    61.8
 2)  การลงทุนภาคเอกชน                     44.1     81.8      67.3      55    48.2    56.7
 3)  การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ               70       75      75.9    61.8    60.8    70.4
 4)  การส่งออกสินค้า                        25.4     62.1      67.6    44.2    37.5    64.2
 5)  การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ                38     73.2      68.1    62.7    48.4      66
ดัชนีรวม                                   45.1     72.2      68.2    55.8    48.8    63.8

ตารางที่ 4  ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 3-6 เดือนข้างหน้า
                              3  เดือนข้างหน้า                           6  เดือนข้างหน้า
 ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า     การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ                   การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
 จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปัจจุบัน     การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ                    การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
                         การบริโภคภาคเอกชน                          การส่งออกสินค้า
                         การส่งออกสินค้า                              การบริโภคภาคเอกชน
                         การลงทุนภาคเอกชน                           การลงทุนภาคเอกชน
 ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า     ไม่มี                                       ไม่มี
จะแย่ลงเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

รายละเอียดในการสำรวจ

วัตถุประสงค์

1. เพื่อสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันและทิศทางในอนาคตอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้า

2. เพื่อสะท้อนข้อเสนอแนะประเด็นเศรษฐกิจของนักเศรษฐศาสตร์ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กลุ่มตัวอย่าง

เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของ ประเทศ จำนวน 29 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา ประเทศไทย(TDRI) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิทยาการจัดการ และสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

วิธีการรวบรวมข้อมูล

รวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล            :  18 — 25 มกราคม 2556
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ                :  28 มกราคม 2556

ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง

                                            จำนวน         ร้อยละ
ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่
           หน่วยงานภาครัฐ                       26          43.3
           หน่วยงานภาคเอกชน                    19          31.7
           สถาบันการศึกษา                       15          25.0
          รวม                                 60         100.0

เพศ
            ชาย                               32          53.3
            หญิง                               28          46.7
          รวม                                 60         100.0

อายุ
          18 ปี — 25 ปี                          1           1.7
            26 ปี — 35 ปี                       18          30.0
            36 ปี — 45 ปี                       20          33.3
            46 ปีขึ้นไป                          21          35.0
          รวม                                 60         100.0

การศึกษา
             ปริญญาตรี                           4           6.7
             ปริญญาโท                          39          65.0
             ปริญญาเอก                         17          28.3
          รวม                                 60         100.0

ประสบการณ์ทำงานรวม

              1-5  ปี                           7          11.7
              6-10 ปี                          15          25.0
              11-15 ปี                         11          18.3
              16-20 ปี                          9          15.0
              ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป                   18          30.0
          รวม                                 60         100.0

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ