กรุงเทพโพลล์: “ช้อปช่วยชาติ กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน”

ข่าวผลสำรวจ Monday November 27, 2017 08:44 —กรุงเทพโพลล์

ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.5 มีพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการเท่าเดิมถึงแม้ว่าช่วงนี้รัฐบาลจะออกมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ”โดยร้อยละ 52.9 ระบุว่าต้องการให้รัฐดูแลห้างร้าน ที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้ขายสินค้าราคาแพงกว่าช่วงปกติ

ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 55.0 ระบุว่า มาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับ “ปานกลาง”และร้อยละ 52.6 อยากให้ขยายเวลาจนถึงสิ้นปีขณะที่ร้อยละ 48.3 ยังคงมองว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการนี้คือ เอกชน/ห้าง/ร้าน/ที่จำหน่ายสินค้าและบริการ

จากที่รัฐบาลออกมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ 2560” เมื่อซื้อสินค้าและบริการสามารถลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาทระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2560 กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ช้อปช่วยชาติกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,099 คน พบว่า

ในช่วงที่รัฐบาลออกมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560” ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 64.5 ระบุว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการเท่าเดิมเหมือนช่วงปกติ รองลงมาร้อยละ 14.7 ระบุว่าทำให้ซื้อสินค้าและบริการปริมาณมากขึ้น และร้อยละ 10.7 ระบุว่า ทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นใหญ่และมีราคาสูงง่ายขึ้นเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า/สมาร์ทโฟน/โน้ตบุค

ส่วนเรื่องที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลสำหรับห้างร้านที่เข้าร่วมโครงการ“ช้อปช่วยชาติ 2560 ”ประชาชนร้อยละ 52.9 ระบุว่าต้องการให้ดูเรื่องสินค้าไม่ให้มีราคาแพงกว่า ช่วงเวลาปกติ รองลงมาร้อยละ 27.3 ระบุว่าเรื่องนำสินค้าหมดอายุ/ตกรุ่นมาขาย และร้อยละ 10.1 ระบุว่าเรื่องการจำกัดปริมาณการซื้อ

ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 55.0 มีความเห็นว่า มาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับ “ปานกลาง” รองลงมาร้อยละ 24.0 ระบุว่าช่วยได้ ในระดับ “มากถึงมากที่สุด” และร้อยละ 21.0 ระบุว่า ช่วยได้ในระดับ “น้อยถึงน้อยที่สุด”

สำหรับความเห็นต่อช่วงเวลาของมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560” นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ52.6 ระบุว่าควรขยายเวลาจนถึงสิ้นปี รองลงมาร้อยละ 33.6 ระบุว่าควรจัด ช่วงใกล้สิ้นปีเหมือนปีที่ผ่านมา(1-2 สัปดาห์ก่อนสิ้นปี) และร้อยละ 13.8 ระบุว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมดีแล้ว

เมื่อถามถึงนโยบายช้อปช่วยชาติว่าควรเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีแบบใด ประชาชนร้อยละ 47.6 ระบุว่าควรจัดเป็นมาตรการแบบปีต่อปีแบบนี้ดีแล้วเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจในปีนั้นๆ รองลงมาร้อยละ 46.7 ระบุว่า ควรออกเป็นมาตรการระยะยาว 5 ปี/ 10 ปีเพื่อจะได้วางแผนการใช้จ่าย และร้อยละ 5.7 ระบุว่า ไม่แน่ใจ

สุดท้ายเมื่อถามว่าการออกมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560”ใครได้ประโยชน์มากที่สุดประชาชน ร้อยละ 48.3 ระบุว่า เอกชน/ห้าง/ร้าน/ที่จำหน่ายสินค้าและบริการรองลงมา ร้อยละ 27.6 ระบุว่าประชาชนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี และร้อยละ 20.1 ระบุว่า รัฐบาล

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. มาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560” กระตุ้นพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของอย่างไร
- ซื้อเหมือนช่วงปกติ/ซื้อเท่าเดิมไม่เปลี่ยน                                        ร้อยละ          64.5
- ทำให้ซื้อสินค้าและบริการปริมาณมากขึ้นกว่าช่วงปกติ                                ร้อยละ          14.7
- ทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นใหญ่/ราคาสูงง่ายขึ้นเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า/สมาร์ทโฟน/โน้ตบุคฯลฯ    ร้อยละ          10.7
- ทำให้ซื้อสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นมากขึ้น                                      ร้อยละ          10.1

2. ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องใดสำหรับห้างร้านที่เข้าร่วมโครงการ“ช้อปช่วยชาติ 2560 ”
- สินค้าไม่ให้มีราคาแพงกว่าช่วงเวลาปกติ                                        ร้อยละ          52.9
-  การนำสินค้าหมดอายุ/ตกรุ่นมาขาย                                           ร้อยละ          27.3
- จำกัดปริมาณการซื้อต่อวัน/ต่อคน                                              ร้อยละ          10.1
- สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ                                             ร้อยละ           9.7

3.มาตรการ “ช้อปช่วยชาติ 2560” จะกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2560 ได้มากน้อยเพียงใด
- มากถึงมากที่สุด                                                          ร้อยละ          24.0
- ปานกลาง                                                              ร้อยละ          55.0
- น้อยถึงน้อยที่สุด                                                          ร้อยละ          21.0

4.ความเห็นต่อช่วงเวลาของมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ 2560” ที่จัดตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2560
- ควรขยายเวลาจนถึงสิ้นปี                                                    ร้อยละ         52.6
- ควรจัดช่วงใกล้สิ้นปีเหมือนปีที่ผ่านมา(1-2 สัปดาห์ก่อนสิ้นปี)                           ร้อยละ         33.6
- เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมดีแล้ว                                                ร้อยละ         13.8

5. นโยบายช้อปช่วยชาติควรเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปีแบบใด
- แบบปีต่อปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนั้นๆ                                          ร้อยละ         47.6
- เป็นแบบระยะยาว 5 ปี 10 ปีเพื่อประชาชนจะได้วางแผนการใช้จ่าย                    ร้อยละ         46.7
- ไม่แน่ใจ                                                                ร้อยละ          5.7

6. การออกมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ 2560”ใครได้ประโยชน์มากที่สุด
- เอกชน/ห้าง/ร้าน/ที่จำหน่ายสินค้าและบริการ                                     ร้อยละ         48.3
- ประชาชนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี                                         ร้อยละ         27.6
- รัฐบาล                                                                 ร้อยละ         20.1
- อื่นๆ อาทิ ได้ประโยชน์ร่วมกันในภาพรวม                                        ร้อยละ          4.0

รายละเอียดการสำรวจ

วัตถุประสงค์การสำรวจ

เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการการออกมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ 2560” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ของรัฐบาล ในเรื่องพฤติกรรมการซื้อสินค้า ความเหมาะสมของช่วงเวลาและ ผลที่ได้รับจากการออกมาตรการเพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

ประชากรที่สนใจศึกษา

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่าง แบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ?4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

          ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล        : 22-24 พฤศจิกายน  2560

          วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ            : 25 พฤศจิกายน 2560

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ