กรุงเทพโพลล์: “ปัญหาคอร์รัปชั่นในมุมมองคนไทย”

ข่าวผลสำรวจ Tuesday December 12, 2017 08:23 —กรุงเทพโพลล์

เมื่อพูดถึงการคอร์รัปชั่น คนไทยนึกถึงข้าราชการ หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ มากที่สุด 78.7%เห็นว่าปัญหาการติดสินบน การจ่ายใต้โต๊ะ แก้ไม่ได้จนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่ 61.3% เห็นว่าสาเหตุของการคอร์รัปชั่นเกิดจากโทษการเอาผิดไม่เด็ดขาด รุนแรง 44.9% เห็นว่ารัฐแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้บ้าง ส่วนใหญ่ 50.3 % เชื่อคดีทุจริตจำนำข้าวจะเป็นบทเรียนไม่ให้ นักการเมืองโกงอีก

เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคมนี้เป็นวันวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ปัญหาคอร์รัปชั่น ในมุมมองคนไทย” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,205 คน พบว่า ประชาชนร้อยละ 30.7 นึกถึงข้าราชการ หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ มากที่สุดเมื่อพูดถึง การทุจริตคอร์รัปชั่น รองลงมาคือ นักการเมือง (ร้อยละ 23.3) และการจ่ายเงินใต้โต๊ะ ติดสินบน (ร้อยละ 11.4)

เมื่อถามว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นใด ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลยในสังคมไทย พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 78.7 เห็นว่าเป็นปัญหาการติดสินบน การจ่ายใต้โต๊ะ รองลงมา ร้อยละ 57.5 ปัญหาการฮั้วประมูลในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ และร้อยละ 51.1 ปัญหาเกี่ยวกับระบบข้าราชการ

สำหรับสาเหตุที่ทำให้สังคมไทยยังคงมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.3 เห็นว่าโทษการเอาผิดผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นไม่เด็ดขาด รุนแรง รองลงมาร้อยละ 52.1 เห็นว่า ระบบราชการยังเหมือนเดิมเปิดโอกาสให้เอื้อทุจริตคอร์รัปชั่น และร้อยละ 49.3 เห็นว่ากฎหมายมีช่องโหว่ล้าสมัย

ทั้งนี้ เมื่อถามว่าในมุมมองของท่านอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 อยากให้เอาผิดและลงโทษผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง รองลงมาร้อยละ 45.3 อยากให้ปลูกฝังค่านิยมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และร้อยละ 37.8 อยากให้ปลูกฝังค่านิยมด้านการประกอบอาชีพสุจริต

เมื่อถามว่าคิดว่าการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลในปัจจุบันเป็นอย่างไร ประชาชนร้อยละ 44.9 เห็นว่าแก้ปัญหาได้บ้างแต่ก็กลับมาคอร์รัปชั่นแบบเดิมอีก ขณะที่ร้อยละ 43.4 เห็นว่าไม่มีมาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีคอร์รัปชั่นเหมือนเดิม ส่วนร้อยละ 11.7 เห็นว่าแก้ปัญหาจนการคอร์รัปชั่นลดลงอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายเมื่อถามว่าบทเรียนจากคดีทุจริตจำนำข้าว จะเป็นตัวอย่างทำให้นักการเมืองไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.3 เห็นว่าทำได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 49.7 เห็นว่าทำได้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด

โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้

1. ข้อคำถาม “หากพูดถึงการทุจริตคอร์รัปชั่น ท่านนึกถึงอะไร” (5 อันดับแรก)(คำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง)
ข้าราชการ หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ                              ร้อยละ          30.7
นักการเมือง                                                     ร้อยละ          23.3
การจ่ายเงินใต้โต๊ะ ติดสินบน                                         ร้อยละ          11.4
การใช้งบประมาณต่างๆในโครงการภาครัฐ เช่น ทำถนน สร้างอาคาร ซื้ออาวุธ    ร้อยละ          11.0
ความโลภ ผลประโยชน์                                             ร้อยละ           5.5

2. ข้อคำถาม “คิดว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นใด ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลยในสังคมไทย” (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
การติดสินบน การจ่ายใต้โต๊ะ                                         ร้อยละ          78.7
การฮั้วประมูลในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ                              ร้อยละ          57.5
ระบบข้าราชการ                                                  ร้อยละ          51.1
ระบบพวกพ้องเครือญาติ                                             ร้อยละ          50.0
ระบบเงินทอน                                                    ร้อยละ          33.6

3. สาเหตุที่ทำให้สังคมไทยยังคงมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
โทษการเอาผิดผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นไม่เด็ดขาด รุนแรง                         ร้อยละ          61.3
ระบบราชการยังเหมือนเดิมเปิดโอกาสให้เอื้อทุจริตคอร์รัปชั่น                  ร้อยละ          52.1
กฎหมายมีช่องโหว่ล้าสมัย                                            ร้อยละ          49.3
รัฐบาล / ผู้นำ ไม่ให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น         ร้อยละ          43.6

4. ข้อคำถาม “ในมุมมองของท่านอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร”(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
อยากให้เอาผิดและลงโทษผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง                      ร้อยละ          63.9
อยากให้ปลูกฝังค่านิยมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น                           ร้อยละ          45.3
อยากให้ปลูกฝังค่านิยมด้านการประกอบอาชีพสุจริต                          ร้อยละ          37.8
อยากให้จัดตั้งรวมศูนย์การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น                        ร้อยละ          32.6

5. ข้อคำถาม “คิดว่าการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลในปัจจุบันเป็นอย่างไร”
แก้ปัญหาได้บ้างแต่ก็กลับมาคอร์รัปชั่นแบบเดิมอีก                            ร้อยละ          44.9
ไม่มีมาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง มีคอร์รัปชั่นเหมือนเดิม           ร้อยละ          43.4
แก้ปัญหาจนการคอร์รัปชั่นลดลงอย่างเห็นได้ชัด                             ร้อยละ          11.7

6. ข้อคำถาม “คิดว่าบทเรียนจากคดีทุจริตจำนำข้าว จะเป็นตัวอย่างทำให้นักการเมืองไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากน้อยเพียงใด”
ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็นค่อนข้างมากร้อยละ 35.1 และมากที่สุดร้อยละ 15.2)            ร้อยละ          50.3
ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็นค่อนข้างน้อยร้อยละ 28.9 และน้อยที่สุดร้อยละ 20.8)            ร้อยละ          49.7

รายละเอียดการสำรวจ

วัตถุประสงค์การสำรวจ

1) เพื่อสะท้อนความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุและปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของสังคมไทย

2) เพื่อสะท้อนมุมมองต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล

3) เพื่อสะท้อนความเห็นต่อบทเรียนจากคดีทุจริตจำนำข้าว จะเป็นตัวอย่างไม่ไห้นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นได้มากน้อยเพียงใด

ประชากรที่สนใจศึกษา

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Ended) จากนั้นได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 4 – 7 ธันวาคม 2560

วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 9 ธันวาคม 2560

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ