มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลจะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2020
เป้าหมายของอุตสาหกรรมการประมงของเวียตนามจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2020 ซึ่งจะทำให้เวียตนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งออกสินค้าอาหารทะเลมากที่สุดในโลก ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารทะเลของเวียตนาม
เป้าหมายนี้มาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมในอัตราร้อยละ 15-20 ต่อปีในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2002 เป็น 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้
เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ อุตสาหกรรมการประมงต้องพบกับความท้าทายต่างๆ เช่นการขาดวัตถุดิบในขบวนการผลิตเพื่อทำให้สินค้ามีคุณภาพ ถูกสุขอนามัยและปลอดภัย มีความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
ขณะที่เวียตนามคาดหวังว่าการส่งออกสินค้าอาหารทะเลในปีนี้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน ในปัจจุบันขบวนการผลิตต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัดถุดิบอย่างหนัก ทำให้ต้องใช้เงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการนำเข้าวัตถุดิบให้เพียงพอกับความต้องการ
ในการแก้ปัญหานี้ อุตสาหกรรมวางแผนที่จะจัดการระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ดีขึ้นในเรื่องของคุณภาพอาหารสัตว์ ความสะอาดควบคู่ไปกับการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของวัตถุดิบให้มีราคาต้นทุนที่ต่ำลงและพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออก
ดังนั้น ขั้นตอนนี้จะทำให้มูลค่าการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2011 เป็น 2.5-3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2020 เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่จะได้ผลผลิต 2.5 ล้านตันในปี 2020
สมาคมผู้ผลิตผู้ส่งออกสินค้าอาหารทะเลของเวียตนามให้ความเห็นว่าประเทศเวียตนามควรสนับสนุนการร่วมมือกันระหว่างคู่ค้าต่างประเทศเพื่อหาแหล่งวัตถุดิบและการเก็บวัตถุดิบในต่างประเทศก่อนจะนำมาใช้ในขบวนการผลิตในประเทศเวียตนาม
ด้านการพัฒนาในตลาดการส่งออก สมาคมเสนอให้รัฐบาลใช้โปรแกรมการส่งเสริมการค้าเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการส่งออกสินค้าอาหารทะเลในท้องถิ่นและการลดต้นทุนด้านการบริหาร
กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทรายงานว่าประเทศเวียตนามมีรายได้ 6.2 พันล้านเหรียฐสหรัฐฯ ในมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารทะเลในปี 2011 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 4.94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2010
Mr. Phung Giang Hai ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันพัฒนานโยบายและกลยุทธ์การพัฒนาด้านเกษตรและชนบท (The Agriculture and Rural Development strategy and Policy Institute) กล่าวว่าอุตสาหกรรมการประมงมีความได้เปรียบในเรื่องราคาและความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
สินค้าส่งออกได้แก่ ปลาtra และกุ้ง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2011
ใน 11 เดือนแรกของปี 2011 ประเทศเวียตนามมีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.9 มูลค่า 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2010
Mr. Truong Dinh Hoe เลขาธิการของ Vietnam Fisheries Industry (VASEP) กล่าวว่าการส่งออกอาหารทะเลมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลของเวียตนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 คือ 1.49 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกันช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน ตามด้วยยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีนและประเทศในเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN)
กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) ให้การรับรองเพิ่มเติมสำหรับผู้ส่งออกเวียตนาม
ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสินค้าทะเลประเทศเวียตนาม (VASEP) ผู้อำนวยการด้านสุขภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคของคณะกรรมาธิการยุโรปได้อนุญาตผู้ผลิตอาหารทะเลอีกจำนวน 13 รายให้ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจการส่งออกกับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป
Mr. Tran Bich Nga ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ The National Agro Forestry Fisheries Quality Assurance Department (NAFIQAD) กล่าวว่า ล่าสุดผู้ผลิตชุดใหม่ที่ได้รับใบอนุญาตจาก EU สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน
Mr. Nga ยืนยันว่าปัจจุบันประเทศเวียตนามมีผู้ผลิตที่มีใบอนุญาตสามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรปได้จำนวน 392 บริษัท รวมถึงบริษัทใหม่ด้วย
ทั้งนี้กลุ่มประเทศในยุโรปเป็นหนึ่งในตลาดสินค้าอาหารทะเลใหญ่ที่สุดของประเทศเวียตนาม จากการตรวจสอบมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารทะเลอยู่ที่ร้อยละ 30 ของมูลการส่งออกทั้งหมด
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
ที่มา: http://www.depthai.go.th