โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) คาดว่าในปี 2558 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3.5-4.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.3%
ผอ.สำนักงบประมาณ กล่าวว่า ที่ประชุมคสช.ยังเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์และการจัดทำรายละเอียดงบประมาณ รวมทั้งขั้นตอนการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 ที่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ และฝ่ายนิติบัญญัติก่อนที่จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้ได้ทันตามกำหนด
โดยแผนยุทธศาสตร์การจุดทำงบประมาณปี 58 จะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของคสช.ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นในทุกๆ ด้าน อย่างไรก็ดี การเร่งรัดการใช้งบประมาณปี 57 จะไม่เกี่ยวข้องกับงบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ภายในปีงบประมาณ 58 หากจะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งจริง เช่น รถไฟรางคู่ ก็จะเป็นการใช้วงเงินกู้โดยไม่เกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายในปี 58 แต่อย่างใด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคสช.จะชี้แจงเรื่องการขับเคลื่อนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 รวมทั้งการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 ต่อทุกหน่วยงานราชการในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.นี้ ที่สโมสรกองทัพบก วิภาวดี
ด้านนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม คสช.วันนี้ได้มีการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้กลับมาใช้กลไกในส่วนของราชการเป็นหลัก ยึดโยงการทำงานคล้ายกับการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการ คสช.ทำหน้าที่ร่วมกันกลั่นกรองวาระที่จะเข้าสู่การประชุม ซึ่งจะมีผอ.สำนักงบประมาณ, เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นองค์ประกอบในการทำหน้าที่ช่วยกันพิจารณา
โดยวันนี้ได้มีการพิจารณาเรื่องการขับเคลื่อนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 โดยคสช.ได้ให้ความเห็นชอบการจัดทำปฏิทินกรอบงบประมาณปี 58 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย.57 และพร้อมใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.57 รวมทั้งเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณปี 58
สำหรับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 ที่ค้างอยู่นั้น หัวหน้าคสช.ได้ขอให้ทุกหน่วยราชการไปจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ยังค้างอยู่อีก 95% ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ก่อนที่จะรายงานเข้ามาเพื่อเบิกจ่ายให้ทันในวันที่ 30 ก.ย.57
นายอำพน กล่าวว่า ที่ประชุมคสช.ยังมีมติมอบหมายให้รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจไปพิจารณาดำเนินการตัดสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนหรือเงินปันผล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐของรัฐวิสาหกิจ โดยให้เริ่มจาก บมจ.การบินไทย(THAI) เป็นแห่งแรก ด้วยการตัดสิทธิการโดยสารเครื่องบินฟรีของบอร์ดการบินไทย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคสช.ยังเห็นชอบการโอนย้ายนายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ จากตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมแทน