"ข้าวด้อยคุณภาพ 80% ไม่ได้เน่าเสียหายหรือขายไม่ได้เลย เพียงแค่คุณภาพด้อยลง แต่ยังสามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพและขายได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายออกจากสต๊อกในรูปแบบต่างๆ ทั้งการขายแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) การเปิดประมูลขายเป็นการทั่วไป รวมถึงอาจจะนำมาบริจาคเพื่อช่วยเหลือประเทศต่างๆ ด้วย" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
สำหรับข้าวเน่าและข้าวป่นประมาณ 5% และข้าวที่สูญหายไป 100,000 ตันนั้น จะต้องหาคนรับผิดชอบ โดยผู้รับผิดชอบในส่วนของข้าวเน่าและข้าวป่นนั้นน่าจะเป็นบริษัทตรวจสอบคุณภาพ(เซอร์เวย์เยอร์) และเจ้าของโกดัง ส่วนข้าวที่สูญหายไปมีหลายส่วนต้องรับผิดชอบ ทั้งเจ้าของโกดัง เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า(อคส.) เจ้าหน้าที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รวมถึงเจ้าหน้าที่ของจังหวัดที่ร่วมดูแลโกดังข้าวรัฐบาลด้วย ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล พบว่ามีการขายจีทูจีเพียงสัญญาเดียวที่เป็นสัญญาที่ถูกต้อง คือการขายให้กับคอฟโก ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ปริมาณ 1 ล้านตัน และส่งมอบไปแล้ว 300,000 ตัน ส่วนสัญญาจีทูจีอื่นๆ ของรัฐบาลชุดก่อนที่มีการกล่าวหาว่าไม่จริงนั้น ยังไม่ทราบ เพราะไม่เกี่ยวข้องด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อยู่ระหว่างการเยือนจีน และได้เจรจาขอให้รัฐบาลจีนซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น คาดว่า น่าจะมีข่าวดี นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ไทยจะขายแบบจีทูจีให้กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียได้อีก โดยคาดว่าในปีนี้ไทยมีโอกาสส่งออกข้าวได้ประมาณ 11 ล้านตัน
"ผลการตรวจสอบปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในวันที่ 10 พ.ย.นี้แน่นอน โดยขณะนี้ที่ยังเหลือไม่ได้ตรวจสอบจะเป็นข้าวที่กองล้ม และกระสอบเปื่อยจนข้าวทะลักออกมา ซึ่ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ได้สั่งการให้บริษัทเซอร์เวเยอร์ และคลังสินค้าที่มีปัญหาหาแนวทางแก้ไขว่าควรจะตรวจนับอย่างไรแล้ว ส่วนข้าวหอมมะลิที่ต้องตรวจสอบพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ) ขณะนี้ผลจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์(ห้องแล็บ) ทยอยส่งมาแล้ว เหลืออีกเพียงบางส่วนเท่านั้น" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว