รมว.เกษตรฯ คาดสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้รุนแรงน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา เหตุน้ำต้นทุนมากกว่าปีก่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 10, 2017 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเดินทางตรวจเยี่ยมการป้องกันและช่วยเหลือภัยแล้ง รวมทั้งการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสมโดยใช้ Agri-Map ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ชัยนาท อ่างทอง และสิงห์บุรี ว่า ฤดูแล้งปีนี้คือช่วงเดือน พ.ย.59-เม.ย.60 กระทรวงฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และวางแผนแก้ปัญหาล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้พื้นที่การเกษตรเสียหายน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามความรุนแรงของสถานการณ์แล้งในปีนี้นั้นน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากปี 2559 มีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีทำให้มีน้ำต้นทุนในแหล่งเก็บน้ำมากกว่าปีก่อนๆ โดย 34 เขื่อนหลัก ณ วันที่ 9 มี.ค. 60 มีน้ำใช้การได้ 19,981 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าวันเดียวกันของปีที่แล้ว 7,502 ล้าน ลบ.ม. (ปีที่แล้วมี 12,479 ล้าน ลบ.ม.) ส่วน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ณ วันที่ 9 มี.ค. 60 มีน้ำใช้การได้ 6,624 ล้น ลบ.ม. มากกว่าวันเดียวกันของปีที่แล้ว 3,426 ล้าน ลบ.ม. (ปีที่แล้วมี 2,996 ล้าน ลบ.ม.) อีกทั้งสภาพอากาศนี้ปีนี้มีโอกาสเกิดลานีญาทำให้ฝนมาเร็วกว่าปกติ ซึ่งในช่วงนี้เริ่มมีพายุฤดูร้อน มีฝนตกทางภาคอีสาน และภาคตะวันออกแล้ว ทั้งนี้ได้ทำการวิเคราะห์พื้นที่ที่มีความเสี่ยงขาดน้ำ พบว่าพื้นที่ในเขตชลประทานไม่มีความเสี่ยง แต่พื้นที่นอกเขตชลประทานมีความเสี่ยง 34 จังหวัด 105 อำเภอ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศลุ่มน้ำเจ้าพระยา เมื่อเทียบกับการวิเคราะห์ในปีที่แล้ว พบพื้นที่ทั้งใน/นอกเขตชลประทานมีความเสี่ยง 46 จังหวัด 391 อำเภอ ดังนั้นในปีนี้จึงน้อยกว่าปีที่แล้ว

สำหรับการเตรียมการช่วยเหลือภัยแล้งด้านการเกษตรปี 2560 มีแผนงานที่เกี่ยวข้อง 4 แผน ได้แก่ 1.แผนการจัดสรรน้ำ 2.แผนการเพาะปลูกพืช 3.แผนการปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้งปี 2560 และ 4.แผน/มาตรการช่วยเหลือภัยแล้งด้านการเกษตรปี 2560 ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 24 ม.ค.60 โดยใช้งบปกติ วงเงินประมาณ 17,334.82 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 มาตรการ 29 โครงการ ได้แก่ 1.มาตรการส่งเสริมความรู้เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง 7 โครงการ เช่น การส่งเสริมความรู้การปลูกพืชในฤดูแล้ง การพัฒนาอาชีพเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน 2.มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำเพื่อการเกษตร 5 โครงการ เช่น การปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชใช้น้ำน้อย การปรับเปลี่ยนไปเป็นปศุสัตว์ การปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง การปลูกพืชปุ๋ยสด 3.มาตรการเพื่อปริมาณน้ำต้นทุน 8 โครงการ เช่น การขุดเจาะน้ำบาดาล การก่อสร้าง/ขุดลอกแหล่งน้ำ การก่อสร้างบ่อน้ำในไร่นา (บ่อจิ๋ว) 4.มาตรการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เกษตรที่ประสบภัย 7 โครงการ เช่น การจ้างแรงงานเกษตรกร การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งตามระเบียบฯ การสำรองเมล็ดพันธุ์ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง 5.มาตรการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ 2 โครงการ และ 6.มาตรการจัดทำแผนชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง

"การลงพื้นที่ในวันนี้ได้ติดตามการดำเนินการต่างๆ เช่น การสร้างความเข้าใจในเรื่องการพักนา เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินก่อนทำนารอบต่อไป ในส่วนของปศุสัตว์เป็นการปรับเปลี่ยนโดยใช้ Agri-Map ซึ่งเดิมเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ใช้ต้นทุนสูง แต่ผลผลิตน้อย ตลอดจนการปรับเปลี่ยนการทำนาไปปลูกถั่วลิสง ซึ่งแปลงปลูกถั่วลิสง ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท มีต้นทุนการปลูกถั่วลิสงไร่ละ 1,500-1,800 บาท ขายได้กำไรไร่ละ 2,500-3,000 บาท ปัจจุบันราคารับซื้อถั่วลิสง ถังละ 350-400 บาท ทำให้เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ทดแทนการทำนาได้ดีในช่วงหน้าแล้งที่ปลูกพืชชนิดอื่นไม่ได้ผล เป็นแบบอย่างการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ลดการใช้น้ำ และเกษตรกรมีรายได้ที่ดีกว่า จึงอยากให้มีการขยายผลให้กว้างขึ้น โดยหน่วยงานรัฐต้องเข้ามาสนับสนุนทั้งความรู้ ปัจจัยการผลิต และตลาด การแปรรูปโดยมีภาคเอกชนเข้ามาช่วยในรูปแบบประชารัฐ" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

แท็ก map  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ