(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.63 อ่อนค่าจากวานนี้เล็กน้อยหลังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 7, 2017 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์

"มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาในตลาดโลก ขณะที่ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาค เกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ยังประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ที่ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (6 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.69720% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (6 ธ.ค.)อยู่ที่ระดับ 1.05763%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 112.12 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1797 ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1825 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.5960 บาท/
ดอลลาร์
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 61 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะเติบโตได้มากกว่า
4% เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกที่คาดว่าสูงกว่าปีนี้ และแรงส่งจากการท่อง
เที่ยว การบริโภค และการลงทุนของรัฐที่จะผลักดันเอกชนให้เกิดการลงทุนตาม รวมทั้งการเลือกตั้งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนัก
ลงทุนมากขึ้น ส่วนกรณีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะปรับไม่ได้
ตามแผนที่ตั้งไว้ เพราะอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป และทำให้เกิดการกระตุก การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐได้
  • กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเสนอคณะ
รัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบได้ในเดือน ธ.ค.นี้ โดยในบางมาตรการสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2561
เป็นต้นไป เช่น การจัดหางาน การฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยพ้นความยากจน
  • ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคาร กรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ 63,360 ล้านบาท
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง เมื่อ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา คาดว่า
ในปีนี้จะยังไม่มีการเบิกใช้สินเชื่ออาจจะเป็นปีหน้า
  • ธนาคารกรุงไทย ได้มีการปรับขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อและกระบวนการตรวจสอบให้กระชับมากขึ้นพร้อมกับเร่งปรับ
โครงสร้างหนี้ซึ่งเชื่อว่าสิ้นปีนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะลดลงต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลได้ผ่านจุดสูงสุด
ไปแล้ว ส่งผลให้ธนาคารสำรองหนี้จัดชั้นในไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
  • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ บสย. ในรอบ
11 เดือน มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 7.54 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการช่วยเอสเอ็มอีได้เข้าถึงสินเชื่อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.06
แสนราย ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะค้ำประกันสินเชื่อได้ 8.6 หมื่นล้านบาท ได้ตามเป้าหมาย
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ททท.มีเป้าหมายสร้างรากฐานเพื่อนำไปสู่เป้า
หมายที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) ซึ่งเมื่อสิ้นสุดปี 2564 ไทยจะมีรายได้ 1 ใน
7 ของโลกที่ 4 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และการเดินทางภายในประเทศ 200 ล้านคน
  • ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่ม
ขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 235,000
ตำแหน่งในเดือนต.ค.
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) ด้วย
แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐซึ่งขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดใน
ตะวันออกกลางได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองให้
กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐ จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยัง
กรุงเยรูซาเลม
  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณการใช้จ่ายชั่วคราวของรัฐบาลใน
วันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) โดยหากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบ ก็จะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8
ธ.ค.
  • ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัย
มิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการตัดสิน
ใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะ
เพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับ
ขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.1%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ