พาณิชย์ เร่งลงพื้นที่ช่วยเกษตรกร หลังไทยต้องต้องลดภาษีนำเข้าเมล็ดและผลิตภัณฑ์กาแฟให้ออสเตรเลียเป็น 0% ในปี 63

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 29, 2018 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม รองอธิบดีฯ รักษาราชการอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ร่วมกับสมาคมกาแฟไทย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เตรียมจัดสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกร และผู้ประกอบการกาแฟ ทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อให้ข้อมูล และหารือช่องทางการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับสินค้ากาแฟภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยจัดทำไว้กับประเทศคู่ค้า รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีสินค้ากาแฟภายใต้เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ในปี 63 โดยจะลงพื้นที่ครั้งแรกภาคเหนือที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 1-2 ก.พ.61

"ภายใต้เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ไทยต้องลดภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟเป็น 0% ให้กับออสเตรเลียในปี 63 กรมฯ จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้ความรู้ ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟทั้งระบบเข้าร่วม ตั้งแต่ผู้ปลูกกาแฟ โรงคั่วกาแฟ ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการ จนถึงผู้ส่งออก เพื่อหารือโอกาสและการเตรียมการรับมือการเปิดเสรี ขณะเดียวกัน จะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และอัตลักษณ์ของกาแฟไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร และเศรษฐกิจในชุมชนได้อีกทางหนึ่ง" นางอรมน กล่าว

นอกจากนี้ภายใต้ความตกลงเอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ รวม 12 ฉบับ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้ากาแฟที่สำคัญ เช่น การเปิดเสรีของอาเซียน ที่สมาชิกทุกประเทศ ยกเว้นเมียนมา เปิดเสรีสินค้ากาแฟให้ไทยแล้ว โดยเก็บภาษีนำเข้าเป็น 0% ในขณะที่เมียนมายังเก็บภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟคั่วที่ 5% สำหรับไทยได้เปิดเสรีผลิตภัณฑ์กาแฟ เช่น กาแฟสำเร็จรูป กาแฟ 3 อิน 1 โดยลดภาษีเป็น 0% ให้ประเทศอาเซียนอื่นแล้วตั้งแต่ปี 53 ยกเว้นเมล็ดกาแฟที่ไทยยังเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศอาเซียนอื่น 5% ขณะที่เอฟทีเออาเซียน-จีนนั้น จีนได้ลดภาษีนำเข้ากาแฟคั่วและผลิตภัณฑ์กาแฟให้ไทยเป็น 0% แล้ว ยกเว้นเมล็ดกาแฟดิบ ที่ยังเก็บ 5%

"การที่ไทยมีเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ ทำให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไปยังประเทศคู่เจรจาได้มากขึ้น เช่น ลาว ซึ่งในปี 60 ไทยส่งออกไปลาว 8,229 ตัน มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 31% และจีน ปี 60 ไทยส่งออก 5,054 ตัน มูลค่าเพิ่มขึ้น 4,783% นับจากการเปิดเสรีในปี 53" นางอรมน กล่าว

ทั้งนี้ เมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยมีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 250,000 ไร่ทั่วประเทศ ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ส่งออกเป็นกาแฟ 3 อิน 1 และกาแฟสำเร็จรูป ไปอาเซียน เช่น เมียนมา ลาว และฟิลิปปินส์ ปัจจุบันการบริโภคกาแฟของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมกาแฟไทยก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยพิจารณาจากความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปในประเทศไทยในปี 60 ที่สูงกว่า 90,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปี 57 ขณะที่ไทยผลิตเมล็ดกาแฟได้ 25,000 ตันต่อปี จึงต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟประมาณ 60,000 ตันต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ