ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.
นางหวัง เต๋า หัวหน้าเศรษฐศาสตร์จากยูบีเอสกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้จำนอง
"กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในระยะใกล้ คือ สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้จำนอง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะปรับตัวลงตามอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมอ้างอิง ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์ให้แข็งแกร่งขึ้น" นางหวังกล่าว
ขณะที่นายจาง ต้าเหว่ย หัวหน้านักวิเคราะห์บริษัทเซนทาไลน์ พร็อพเพอร์ตี้กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่มีความเจริญระดับสูงนั้น จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายจางกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะทำให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมาก และจะมีผลทางจิตวิทยาอย่างมากต่อผู้ซื้อกลุ่มนี้ พร้อมกับอธิบายว่า การปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยจำนอง จะทำให้ประชาชนที่ทำสัญญาเงินกู้จำนองระยะเวลา 20 ปี วงเงิน 1 ล้านหยวน (162,866 ดอลลาร์สหรัฐ) นั้น สามารถประหยัดเงินได้ประมาณ 234 หยวนต่อเดือน
"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการปล่อยกู้จำนองจะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งในด้านจิตวิทยาและในความเป็นจริง" เขากล่าว
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงอย่างหนักในปี 2557 โดยบรรยากาศการซื้อขายและความเชื่อมั่นในตลาดอ่อนแอลง ขณะที่ยอดขายซบเซาลง ราคาปรับตัวลดลง และสต็อกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ได้สร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มของอุตสาหกรรมตลาดที่อยู่อาศัยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการปล่อยกู้จำนวน ซึ่งการผ่อนคลายกฎครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และเพิ่มเพดานเงินกู้โดยการจัดให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ไม่มีหนี้สินค้างชำระเงินในส่วนของเงินกู้ซื้อบ้านนั้น อยู่ในกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก
ข้อมูลซึ่งเผยแพร่โดยบริษัทอี-เฮาส์ ไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ราคาบ้านในเมืองใหญ่ๆของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเมืองที่มีระดับความเจริญสูง 4 แห่ง ซึ่งได้แก่กรุงปักกิ่ง เมืองเซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเสิ่นเจิ้น มียอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ทั้งสิ้น 3.06 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
นอกจากนี้ อี-เฮาส์ไชน่ารายงานว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 10 แห่งของจีน ได้เริ่มลงทุนในที่ดินมากขึ้นในเดือนต.ค. ท่ามกลางบรรยากาศในตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น
นายจางกล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นต่อไป เพราะได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง โดยในเมืองที่มีระดับความเจริญสูง 4 แห่งของจีน โดยเฉพาะกรุงปักกิ่งนั้น ราคาบ้านมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
นายจางกล่าวว่า บรรยากาศในตลาดและความคาดหวังของกลุ่มผู้ซื้อบ้านได้ปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายกระตุ้นจำนวนมากมีแนวโน้มจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่มีศักยภาพในเมืองที่มีความจริญสูง นอกจากนี้ นายจางยังคงมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองระดับรองๆลงไปนั้น ไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อพิจารณาจากสต็อกบ้านจำนวนมาก
ข้อมูลจากอี-เฮาส์ ไชน่าระบุว่า สต็อกบ้านในเมืองต่างๆ 35 แห่งของจีน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 280.13 ล้านตารางเมตร ณ สิ้นเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบรายปี
นางเหลียง ฮอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากไชน่า อินเตอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์ป (CICC) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการปรับฐานลงอย่างรุนแรงของตลาดที่อยู่อาศัย
นางเหลียงคาดการณ์ว่า ยอดขายและราคาบ้านจะมีเสถียรภาพ เพราะได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองและการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการกู้จำนองเมื่อวันที่ 30 ก.ย.
"แต่ราคาบ้านอาจไม่ปรับตัวขึ้นมากนัก เนื่องจากบ้านค้างสต็อกยังอยู่ในระดับสูง" นางเหลียงกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน