Analysis: จีนเตรียมสยายปีกเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ รองรับโครงการถนนสีเขียว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 14, 2017 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จีนประกาศเดินหน้าผลักดันโครงการถนนสีเขียวเต็มตัว โดยมุ่งพัฒนาและสนับสนุนให้ใช้รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เพื่อแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ในอนาคต ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของพญามังกรในครั้งนี้อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไปตลอดกาล

นายซิน กั๋วปิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน กล่าวในการประชุมผู้ผลิตยานยนต์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้จีนได้เริ่มศึกษาถึงกรอบเวลาอันเหมาะสมในการลดการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญ

นอกจากนี้ นายซินยังย้ำว่า "มาตรการดังกล่าวจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับแวดวงยานยนต์อย่างแน่นอน" ถึงแม้นายซินจะไม่ได้เปิดเผยกรอบเวลาที่ชัดเจนก็ตาม

เขาแนะนำด้วยว่า "บริษัทต่างๆควรพยายามยกระดับเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานสำหรับรถยนต์แบบดั้งเดิม และเร่งพัฒนารถ NEV เพื่อรองรับกับความต้องการในอนาคต"

- เทรนด์ในอนาคตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ถ้อยแถลงดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลมีความสอดคล้องกับความพยายามของนานาชาติ ที่ต้องการจะยกเลิกการใช้ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันและแก๊ส เพื่อลดการปล่อยมลพิษออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก

เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นายนิโคลาส์ ฮูโลต์ รมว.กระทรวงสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส ประกาศว่า ฝรั่งเศสจะยุติการจำหน่ายยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2583 ตามกรอบความตกลงปารีส เช่นเดียวกับรัฐบาลอังกฤษ ที่ประกาศจะยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิสในปีเดียวกัน

นายหยาง หยูเหว่ย ผู้จัดการแผนกเทคโนโลยีของบริษัท Beijing Electric Vehicle กล่าวว่า "ในศตวรรษที่ 21 ความนิยมในรถ NEV จะเพิ่มขึ้นจนแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมในท้ายที่สุด โดยเหตุผลสำคัญก็คือข้อจำกัดด้านทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่ในโลกอาจมีปริมาณไม่เพียงพอในการรองรับการบริโภคไปจนถึงสิ้นศตวรรษนี้ นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ลูกค้ายังคาดหวังด้วยว่า รถยนต์คู่ใจของพวกเขาจะต้องมีระบบที่ชาญฉลาด สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ และมีสิ่งบันเทิงต่างๆครบครัน

- การแข่งขันพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า

ถึงแม้ยุโรปจะออกมาตรการต่างๆเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ NEV แต่ที่ผ่านมานั้น จำนวนการผลิตและจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต่อครัวเรือนก็ยังต่ำกว่าเป้าหมาย และถือเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม รถ NEV กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในจีนและสหรัฐ โดยแบรนด์ "เทสลา" ที่กำลังมาแรงในสหรัฐนั้น ได้แสดงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า

ในปีที่แล้ว จีนสามารถโค่นสหรัฐขึ้นแท่นตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขายรถ NEV จำนวน 507,000 คัน เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพุ่งขึ้น 65.1% เทียบรายปีสู่ระดับ 409,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่

นายหยางกล่าวว่า "บริษัทรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนกำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งในระยะทางไกลกว่า 300 กม.ต่อการชาร์จไฟครั้งเดียว โดยในปีนี้ BAIC Group ได้เปิดตัวรถ NEV ที่วิ่งได้ไกลถึง 400 กม. และมีแผนจะพัฒนารถที่วิ่งได้ไกลถึง 500 กม.ในอนาคต

นายหยางกล่าวเสริมว่า "เมื่อใดก็ตามที่รถยนต์ NEV สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม. นั่นก็หมายความว่า ระยะทางจะไม่ใช่ข้อจำกัดทางเทคโนโลยีอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้บรรดาผู้ผลิตหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องต้นทุนและความต้องการอื่นๆของลูกค้าแทน"

ปัจจุบัน จีนได้ผงาดขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนายนตรกรรม NEV โดยบริษัทยานยนต์ชั้นนำของจีนอย่าง BYD, BAIC และ Geely ต่างก็ติดทำเนียบแบรนด์ระดับโลกที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงเป็นอันดับต้นๆในปีที่แล้ว

ขณะที่โฟล์กสวาเกนของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในแง่ของยอดขาย ก็มีแผนที่จะลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารวมมูลค่า 2 หมื่นล้านยูโร (2.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในปี 2030 และลงทุนด้านแบตเตอรี่รวม 5 หมื่นล้านยูโร ส่วน BMW ได้ตัดสินใจที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Mini ในปี 2019

ด้านเปอโยต์ ซีตรอง ของฝรั่งเศส ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน โดยได้ประกาศเดินหน้าผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฮบริด 7 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้าอีก 4 รุ่น ในช่วงปี 2016-2021

บทวิเคราะห์โดย จง ย่า และ กัว หยาง

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ