ธนาคารจีนได้ซื้อสกุลเงินต่างประเทศเป็นมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 และได้ขายสกุลเงินต่างประเทศเป็นมูลค่า 1.77 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มียอดเกินดุลสุทธิ 1.258 แสนล้านดอลลาร์
นายกวน เต๋า ผู้อำนวยการฝ่ายดุลการชำระเงินระหว่างประเทศประจำ SAFE เปิดเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวได้ปรับตัวลดลง 53% จากยอดเกินดุลปีก่อนหน้า
นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า หลังจากที่สองไตรมาสแรกของปี 2557 นั้นมียอดเกินดุล แต่การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศได้วกกลับเข้าแดนลบในไตรมาส 3 และขาดดุลเพิ่มขึ้นแตะ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 4 ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อกระแสเงินทุนที่ไหลออกจากจีนเป็นจำนวนมากหลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
นายกวน ชี้ว่าสาเหตุของความผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นผลจากมาตรการปรับลด QE ของสหรัฐ ซึ่งทำให้กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ ตลอดจนทัศนคติของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเขากล่าวว่า "การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นขณะนี้อยู่ในระดับปานกลางและยังอยู่ในกรอบ"
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2557 ขยายตัว 7.4% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 24 ปี ขณะที่จีนกำลังก้าวเข้าสู่ดุลยภาพใหม่ในการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน สำนักข่าวซินหัวรายงาน