กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทะยานขึ้น 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 13.1% ของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว
ดัชนี CPI ที่ทะยานขึ้นดังกล่าว บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย. โดยเป็นการดีดตัวขึ้น 1.7% เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน