นายจัสติน ยี่ฟู หลิน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และรองประธานอาวุโสของธนาคารโลก แสดงความเห็นดังกล่าวระหว่างการอภิปรายในการประชุม Boao Forum for Asia ที่มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีน
สกุลเงินหยวน หรือ renminbi (RMB) กำลังจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองและสกุลเงินที่ใช้ชำระบัญชีระดับโลก ขณะที่จีนเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยการส่งออกประมาณ 25% ของจีนในปัจจุบันอยู่ในรูปสกุลเงินหยวน และเงินหยวนเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการชำระบัญชีในบางภูมิภาค
นายหลินคาดการณ์ว่า นอกเหนือจากสกุลเงินสำรองหลังของโลก 3 สกุลเงินที่กล่าวไปข้างต้น เงินเยนญี่ปุ่น เงินฟรังค์สวิส และเงินปอนด์อังกฤษ ก็จะเป็นสกุลเงินสำรองด้วยเช่นกัน แต่มีสัดส่วนน้อยกว่า
"ความเชื่อมั่นในสกุลเงินหยวนมาจากเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีน ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และจะยังคงมีการขยายตัวที่ 7-8% สำหรับช่วง 20 ปีข้างหน้านี้"
อย่างไรก็ดี นายหลินกล่าวว่า เงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเทียบเท่าสกุลเงินดอลลาร์ในช่วงระยะใกล้ เนื่องจากการค้าในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีส่วนแบ่งตลาดที่ 60-70% ขณะที่การค้าในรูปสกุลเงินหยวนมีสัดส่วนไม่ถึง 5% สำนักข่าวซินหัวรายงาน