รายงานการทบทวนประจำปีของ Independent Evaluation ในสังกัด ADB ระบุว่า ไวนอด โทมัส ผู้อำนวยการของ Independent Evaluation กล่าวว่า การกระตุ้นการผลิตจะช่วยสนับสนุนทรัพยากรมนุษย์และยังดีต่อภาพรวมด้วยเช่นกัน ในขณะที่การผลิตอีกส่วนพึ่งพาการลงทุนในภาคสาธารณะมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและยังดีต่อสภาพอากาศ
รายงานชี้ว่า ในช่วงไม่ปีที่ผ่านมานี้ การขยายตัวของภาคการผลิตโดยรวมทั้งในเอเชียและภูมิภาคอื่นๆชะลอตัวลง โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2551 ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศต่างๆ และ ADB ที่จะใช้ยุทธสาสตร์มาขึ้นเพื่อที่จะดึงประโยชน์จากการลงทุน
นายโทมัส กล่าวต่อไปว่า การปรับปรุงด้านการผลิตของการลงทุนในด้านกายภาพเพียง 2 ใน 10 ของสัดส่วน 1% ในเอเชียก็เหมือนกับการลงทุนเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าไปในโครงการลงทุนต่างๆ
รายงานยังระบุด้วยว่า ผลผลิตต่อแรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการผลิตโดยรวมนั้น ชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในเอเชีย ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ 3 ประเทศ ได้แก่ จีน, อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจจะทำให้เกิดผลกระทบที่เป็นลบในภูมิภาค ในขณะที่จีนได้พยายามสร้างสมดุลเศรษฐกิจของประเทศผ่านการบริโภคมากกว่าการลงทุน ดังนั้น การผลิตจึงกลายเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากขึ้นสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายวอลเตอร์ โคล์กมา ผู้เขียนหลักของรายงานฉบับนี้กล่าวว่า การลงทุนในด้านกายภาพ บุคลากร และทรัพยากรธรรมชาติ จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและความยั่งยืน การพัฒนาด้านบุคลากรนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มปริมาณการผลิต ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีการให้ความสำคัญเชิงรุกกับภาคการศึกษา การฝึกอบรม และเฮลท์แคร์
รายงานชี้ว่า ADB เล็งเห็นถึงผลตอบแทนจากการพัฒนาที่ดีขึ้นจากการดำเนินการ รวมทั้งความสำเร็จในโครงการที่ ADB ได้ให้การสนับสนุนจนเป็นผลสำเร็จในช่วงปี 2555-2557 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 72% ในขณะเดียวกัน ADB ก็ยังคงให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องกับการออกแบบโครงการ การรักษาความปลอดภัย การกำกับดูแล ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามมา