ผู้เชี่ยวชาญชี้ธนาคารภาครัฐของจีนมีผลการดำเนินงานดีขึ้นนับตั้งแต่ริเริ่มโครงการ Belt and Road

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 1, 2015 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เฮนรี่ ทิลแมน ประธานและผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคาร Grisons Peak ของอังกฤษ เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า นับตั้งแต่จีนริเริ่มโครงการเส้นทางและแนวเขตเศรษฐกิจของจีน (Belt and Road) นั้น ผลการดำเนินงานของธนาคารที่สนองนโยบายของภาครัฐ (Policy Banks) ปรับตัวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน

โครงการเส้นทางและแนวเขตเศรษฐกิจหมายถึง โครงการแนวเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม (Silk Road Economic Belt) และโครงการเส้นทางสายไหมทางทะเลโครงการที่ 21 (21st Maritime Silk Road) ซึ่งเป็นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานและการค้าระดับนานาชาติที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้เสนอขึ้นเมื่อเดินทางเยือนเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนก.ย.และต.ค. ปี 2556 โดยโครงการเส้นทางและแนวเขตเศรษฐกิจนั้นครอบคลุมทั่วทั้งทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งเชื่อมต่อวงจรเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกที่คึกคักในทางหนึ่ง และช่วยพัฒนาวงจรเศรษฐกิจยุโรปในอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ทิลแมนกล่าวว่า "เราเชื่อมั่นว่า หากการก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) แล้วเสร็จ ผลการดำเนินงานของธนาคารที่สนองนโยบายของภาครัฐจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต" พร้อมกับระบุว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกลุ่มนี้ในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมานั้น มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ Belt and Road เนื่องจากเงินกู้เหล่านี้ถูกนำไปปล่อยโดยตรงให้กับบริษัทต่างๆที่มีฐานการดำเนินงานในจีน

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับ AIIB นั้น นายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 ต่างก็แสดงความหวังให้ธนาคาร AIIB ประสบความสำเร็จ พร้อมกับระบุว่า AIIB มีความจำเป็น เนื่องจากทางธนาคารสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นซึ่งสถาบันอื่นๆในปัจจุบันไม่สามารถรองรับได้ ทั้งนี้ AIIB มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ และจะเริ่มให้การสนับสนุนด้านเงินทุนต่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ