สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทรายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม หรือบริษัทที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ปรับตัวขึ้น 4.2% เทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 5.02 แสนล้านหยวนในเดือนเม.ย. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้นถึง 11.1%
-- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ปรับตัวลดลง 0.3% เทียบเป็นรายปี โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ซึ่งตอกย้ำมุมมองที่ว่า ญี่ปุ่นยังมีภาวะเงินฝืดต่อไปอีกนาน
-- ผู้นำกลุ่ม G7 ให้คำมั่นในวันนี้ว่า จะใช้เครื่องมือด้านนโยบายทุกอย่างที่มีอยู่นั้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยการให้คำมั่นดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองอิเสะ-ชิมะ ในเขตอิมะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น
-- กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า หนี้สินของจีนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ พร้อมระบุว่ารัฐบาลจีนยังสามารถระดมเงินทุนจากการออกตราสารหนี้ได้อีก
แถลงการณ์ระบุว่า สัดส่วนหนี้สินของรัฐบาลจีนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ราว 41.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าระดับ 60% ของสหภาพยุโรป (EU) และต่ำกว่าประเทศชั้นนำของโลก อาทิ ญี่ปุ่น และสหรัฐ
-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเข้าตลาดมูลค่า 9.5 หมื่นล้านหยวน (1.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ เพื่อคลี่คลายสภาพคล่องที่ตึงตัว
-- การบริโภคภาคเอกชนของประเทศเกาหลีใต้ร่วงลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากรายได้ภาคครัวเรือนที่ลดลง
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของเกาหลีใต้ชี้ว่า การบริโภคภาคเอกชนในระหว่างเดือน ม.ค.- มี.ค เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 2,669,000 วอน (2,262 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีที่แล้ว
-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผู้นำกลุ่ม G7 ตกลงที่จะใช้ทั้งนโยบายการเงิน การคลัง และนโยบายเชิงโครงสร้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต