บรรดาผู้นำในยุโรปได้กดดันให้อังกฤษเดินหน้าแผนถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) โดยเร็วและเด็ดขาด เพื่อลดความกังวลของทั่วโลกเกี่ยวกับอนาคตของทวีปยุโรป
การที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวออก EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ได้สร้างความปั่นป่วนทางการเงินและการเมืองไม่เพียงแต่ในอังกฤษเท่านั้น แต่รวมทั้งทวีปยุโรปด้วย
ในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ผู้นำประเทศยุโรปได้กดดันให้อังกฤษถอนตัวจาก EU พร้อมกับเตือนนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษว่านเมื่ออังกฤษตัดสินใจถอนตัวจากอียู ก็ไม่สามารถหวนกลับมาได้แล้ว สำหรับการเปิดเผยของผู้นำประเทศ EU มีดังต่อไปนี้
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี:
ดิฉันขอพูดชัดๆในคืนนี้ว่า ดิฉันไม่เห็นทางว่าอังกฤษจะพลิกการตัดสินใจได้แล้ว บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด และเต็มไปด้วยความกดดันเนื่องจากเราได้รับรู้ว่ามีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเพิ่มขึ้นมา แต่นั่นก็คือเรื่องจริง
นายฟรองซัวซ์ อัลลองด์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส:
การเข้าถึงตลาดที่รวมเป็นหนึ่งเดียวนั้น ขึ้นอยู่กับการยอมรับเสรีภาพ 4 ประการ ได้แก่ สินค้า เงินทุน แรงงาน และบริการ ถ้าพวกเขาไม่ต้องการการเคลื่อนไหวที่เสรี เขาก็ไม่สามารถเข้ามาในตลาด EU ได้อีก
นายซาเวียร์ เบตเทล รัฐมนตรีของลักเซมเบิร์ก:
เราไม่ใช่เฟซบุ๊กที่สามารถแสดงสถานะว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนมีความซับซ้อน เรามีแค่แต่งงานและแยกทางกัน ไม่มีอะไรที่อยู่ตรงกลาง
นางเฟเดริกา โมเกรินี ตั้งขอสงวัยว่าอังกฤษต้องการแยกตัวออกไปจริงๆหรือไม่:
ชาวอังกฤษค่อนข้างชัดเจนในเรื่องนี้ แต่เรากลับได้รับข้อความที่ขัดแย้งกันจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างสับสนในลอนดอน
นายมาร์ค รูทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์:
ไม่มีประโยชน์ที่เราจะถือโทษโกรธเคืองเดวิด คาเมรอน หลังจากที่ประเทศของเขา "ล่มสลายทางการเมือง การเงิน ระบอบปกครอง และเศรษฐกิจ" จากการโหวต Brexit
นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสภายุโรป:
ยุโรปพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นกระบวนการแยกทางกันตั้งแต่วันนี้ ผมขอย้ำอย่างชัดเจนว่า หากไม่มีการประกาศจากอังกฤษ เราจะไม่เริ่มต้นการเจรจาใดๆเกี่ยวกับกระบวนการแยกทางหรือความสัมพันธ์ในอนาคต สำนักข่าวซินหัวรายงาน