วิลเลียม ที วิลสัน นักวิเคราะห์อาวุโสประจำศูนย์การศึกษาเอเชียแห่งสถาบันวิจัยฝ่ายอนุรักษนิยมของสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจจีน และแนะนำว่าสหรัฐไม่ควรมองสิ่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ
"สหรัฐควรมองความต้องการของจีนในการแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจให้กระจายออกไปทั่วโลกว่า เป็นความท้าทายที่ต้องรับมือ ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของประเทศ" นายวิลสันกล่าวในบทความของเขาที่ชื่อว่า "'One Belt, One Road' นโยบายเศรษฐกิจจีนที่ผงาดเหนือเอเชียกลาง" หรือ "China's Huge 'One Belt, One Road' Initiative Is Sweeping Central Asia" ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในนิตยสารเดอะเนชั่นแนล อินเทอเรสต์ ฉบับวันที่ 27 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชื่อบทความจะให้ความสำคัญไปที่เอเชียกลาง แต่วิลสันก็ได้พูดเกี่ยวกับโครงการต่างๆในเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลจีนด้วย
ในบทความระบุว่า การที่รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบประมาณหลายพันล้านและมีความพร้อมที่จะลงทุนเพิ่มเติมนั้น ได้ทำให้ในปัจจุบันมีโครงการภายใต้ความรับผิดชอบของจีนนับพันกระจายออกไปทั่วโลก
นอกจากนี้ จีนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดถนน สะพาน และอุโมงค์ใหม่ๆมากมาย และยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างภาคพลังงานและหุ้นส่วนระดับภูมิภาคอีกด้วย
วิลสันยังระบุว่า "จีนได้ก้าวขึ้นสู่ระดับโลกด้านการสร้างรางรถไฟความเร็วสูง โดยสามารถวัดได้จากการที่ระยะทางโดยรวมของรางรถไฟความเร็วสูงที่จีนสร้าง มีความยาวมากกว่าระยะทางรวมของรางที่สร้างโดยบริษัทจากประเทศอื่นๆรวมกันเสียอีก"
และที่สำคัญไม่แพ้กัน สถาบันการเงินทั้งที้มีสำนักงานใหญ่อยู่ในจีนและก่อตั้งโดยจีน ยังถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทในเศรษฐกิจโลกอย่างมาก เช่นธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ที่ปัจจุบันมีประเทศสมาชิกกว่า 57 ประเทศ หรือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน (EIBC) ที่สามารถปล่อยกู้ได้มากกว่าธนาคารพัฒนาเอเชียในปี 2558