ดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ หลังจากที่มีรายงานว่า เฮดจ์ฟันด์กว่า 10 แห่งที่ทำธุรกิจร่วมกับดอยซ์แบงก์นั้น ต่างพากันถอนสินทรัพย์ด้านการเงินออกจากดอยซ์แบงก์ ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ด้านตราสารหนี้ โดยเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้มีลูกค้าอยู่ในความดูแลมากกว่า 800 ราย
สถานะด้านการเงินของดอยซ์แบงก์ย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ โดยในไตรมาสแรกปีนี้ รายได้สุทธิของธนาคารร่วงลง 58% สู่ระดับ 236 ล้านยูโร หรือ 267 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ และในไตรมาส 2 ปีนี้ กำไรสุทธิของดอยซ์แบงก์ทรุดฮวบลงอีก 98% แตะระดับ 20 ล้านยูโร (21.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สถานการณ์ของดอยซ์แบงก์ย่ำแย่ลงอีก เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐมีคำสั่งให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
อย่างไรก็ดี ดอยซ์แบงก์เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะยุติคดีความทางแพ่งด้วยการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมระบุว่า ดอยซ์แบงก์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับสหรัฐ และคาดหวังว่า ผลของการเจรจาจะนำไปสู่การชำระเงินในจำนวนที่ไม่ต่างไปจากที่สถาบันการเงินอื่นๆได้ชำระตามที่ถูกเรียกร้อง