อังกฤษเดินหน้าจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ หลังสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) โหวตไฟเขียวสนับสนุนอย่างท่วมท้นด้วยคะแนน 522 ต่อ 13 คะแนน ซึ่งจะกรุยทางสู่การยุบสภาในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การที่ผู้นำอังกฤษตัดสินใจจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดนั้น อาจมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ กล่าวต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ว่า การจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดนี้ เป็นเรื่องของภาวะผู้นำและเสถียรภาพ โดยถือเป็นกลยุทธ์เสริมสร้างอำนาจต่อรองของอังกฤษในการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
"การเลือกตั้งจะทำให้อังกฤษมีความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมั่นคงตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีในการเจรจากับสหภาพยุโรป เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เราจะประสบความสำเร็จในกระบวนการ Brexit ตามเจตนารมณ์ของประชาชน" นายกฯเมย์ กล่าว
ขณะที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ถนนดาวนิ่ง ยืนยันว่า การเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.จะไม่ส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาของกระบวนการ Brexit อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นเป็นวงกว้างว่า การที่นางเมย์ตัดสินใจเลือกยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในช่วงเวลานี้นั้น เป็นการฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคแรงงานกำลังมีคะแนนนิยมตกต่ำ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน นางเมย์เพิ่งยืนกรานว่า เธอไม่มีความตั้งใจที่จะจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดแต่อย่างใด ขณะที่โพลล์สำรวจล่าสุดจากหลายสำนักบ่งชี้ว่า พรรคแรงงานมีคะแนนนิยมตามหลังพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเมย์กว่า 20 จุด
หลายฝ่ายมองว่า พรรคฝ่ายรัฐบาลของนางเมย์จะเข้าสู่ศึกเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เนื่องจากในปัจจุบัน พรรคอนุรักษ์นิยมของเธอครองเสียงข้างมากในสภาสามัญชน ด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 330 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานมีจำนวนส.ส. 229 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวนที่นั่งในสภาของพรรคแรงงานอาจลดลง เนื่องจากเกิดความบาดหมางระหว่างส.ส.หลายคนของพรรคกับนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรค
ศาสตราจารย์ มาร์ติน สมิธ คณบดีคณะรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยยอร์ค กล่าวว่า "ด้วยจำนวนเสียงข้างมากของพรรคอนุรักษ์นิยมนั้น จะทำให้รัฐบาลสามารถผ่านข้อตกลงเกี่ยวกับ Brexit ได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม พรรคอนุรักษ์นิยมจะเผชิญกับอุปสรรคนานัปการในช่วงหาเสียงเลือกตั้งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับสกอตแลนด์ ซึ่งมีความต้องการที่จะจัดการลงประชามติเพื่อแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรเป็นครั้งที่สอง ตลอดจนนโยบายของพรรคหลังจากที่แยกตัวออกจาก EU แล้ว