หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์และตลาดเงินในวอลล์สตรีท ได้สั่งปรับเงินผู้ที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์การซื้อขายในระดับที่ลดต่ำลงอย่างมาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามที่จะลดกฎระเบียบต่างๆที่เข้มงวดซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดก่อน
รายงานระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐ และหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐ ได้สั่งปรับเงินผู้ที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของตลาดรวม 489 ล้านดอลลาร์ ลดลงประมาณ 66% จากเงินค่าปรับมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559
รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุด้วยว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้จำนวนเงินค่าปรับลดลงอย่างมากนั้น มาจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ที่ต้องการจะผ่อนคลายมาตรการอันเข้มงวดในภาคการเงิน ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
"ทนายความที่ว่าความในคดีเกี่ยวกับการเงิน เปิดเผยว่า การที่หน่วยงานกำกับดูแลตลาดได้ปรับเปลี่ยนท่าทีโดยมีความเป็นมิตรกับภาคธุรกิจมากขึ้นในยุคของรัฐบาลทรัมป์นั้น เป็นหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่ทำให้จำนวนเงินค่าปรับลดลง ส่วนปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงภายในคณะผู้บริหาร และการลดจำนวนลงของคดีที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการเงินในปี 2008" รายงานระบุ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายกฎระเบียบ ได้ออกมาเตือนว่า "สหรัฐไม่ควรเพิกเฉยกับบทเรียนที่ได้รับจากวิกฤตการเงินในปี 2008 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การยกเลิกกฎเกณฑ์บางอย่างอาจเปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ไปสู่วิกฤตการเงินระลอกใหม่"