รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของภาคเอกชนในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้น 8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับ 8.533 แสนล้านเยน
--ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) เปิดเผยว่า พายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ได้เคลื่อนตัวสู่เขตกัลฟ์โคสต์ของรัฐฟลอริดาแล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ส่งผลให้เกิดลมแรงกรรโชกและฝนตกหนัก และทำให้ประชาชนกว่า 2.6 ล้านคน รวมทั้งบริษัทเอกชนหลายแห่ง ไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้น้ำท่วมถนนหลายสาย
--สหรัฐได้ให้คำมั่นสัญญาต่อบรรดาผู้นำประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ที่กรุงอาปีอา ประเทศซามัว ว่า สหรัฐจะเดินหน้าให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาโลกร้อนต่อไป แม้สหรัฐได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากความตกลงปารีสก็ตาม
--สื่อต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มบางส่วนในวันนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน หลังจากที่ภาคการส่งออกของจีนเริ่มได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินหยวนพุ่งขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
--รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนวันนี้ว่า สหรัฐจะถูกเอาคืนอย่าง "สาสม" และจะต้องเผชิญกับ "ความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างสุดสาหัส" หากสหรัฐยังดึงดันที่จะเร่งให้สหประชาชาติมีมติ (UN) คว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ เพื่อตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งทรงพลังที่สุดเมื่อไม่นานมานี้
--นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยคาดว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 3% ในปีนี้
--ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีต่อประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้พบว่า คะแนนนิยมของปธน.เกาหลีใต้ร่วงลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ท่ามกลางความเสี่ยงของภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6
--รัฐมนตรีเศรษฐกิจจาก 16 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งร่วมเจรจาหารือในประเด็นข้อตกลงการค้าเสรี ที่จะเข้ามาแทนที่ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ออกมายอมรับว่า ข้อตกลงดังกล่าวคงจะไม่สามารถสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้
--คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีแนวโน้มว่า จะลงคะแนนเสียงเรื่องมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ที่อาจจะกำหนดเพดานการส่งออกน้ำมันดิบให้กับเกาหลีเหนือ รวมทั้งการสั่งห้ามส่งออกแก็สแอลเอ็นจี
--เมียนมาไม่ได้ให้ความสนใจกับแถลงการณ์แถลงการณ์หยุดยิงชั่วคราวของกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา (ARSA) เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์เข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หลังปะทะอย่างรุนแรงกับกองทัพเมียนมามานานกว่า 2 สัปดาห์