ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น 30.71 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 22,871.72 จุดเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 101.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี โดยสูงกว่าระดับ 95.3 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
-- ตลาดการเงินยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของดัชนี CPI เดือนก.ย. ถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน
-- นักลงทุนจับตาการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในวันดังกล่าว โดยการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถือเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน ซึ่งจะมีการแต่งตั้งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สำหรับช่วง 5 ปีข้างหน้า
นายสก็อต ซีแมน ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียแห่งสถาบันยูเรเซีย กล่าวว่า จีนจะเปิดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีที่เกาหลีเหนือจะสร้างข่าวใหญ่ในการท้าทายจีน และประชาคมระหว่างประเทศ ขณะที่ข่าวกรองแจ้งว่า เกาหลีเหนือกำลังเคลื่อนย้ายขีปนาวุธเพื่อเตรียมการทดสอบครั้งใหม่
-- นอกเหนือจากการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์แล้ว ตลาดการเงินยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยในวันนี้ ทางการจีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของจีนในปีนี้ สู่ระดับ 6.8% โดยเพิ่มขึ้น 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนก.ค. และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.5% ในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้น 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิม
-- จับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ที่ 16 ต.ค. จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์, วันอังคารที่ 17 ต.ค. จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และไอบีเอ็ม, ส่วนพุธที่ 18 ต.ค. บริษัทคาร์ฟูร์, อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, อีเบย์ และอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ขณะที่วันพฤหัสบดี จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการของยูนิลีเวอร์, เอเอ็มดี, เวอไรซอน และอเมริกัน แอร์ไลน์ สำหรับในวันศุกร์ จะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการของเดมเลอร์, เจเนอรัล อิเล็กทริก และชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ
-- นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคารที่ 17 ต.ค. จะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของนายนายนีล แคชคารี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส, วันพุธที่ 18 ต.ค. จะเป็นกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก และนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส ส่วนในวันเสาร์ที่ 21 ต.ค. จะเป็นกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ของ นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ และ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด
-- นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐและประเทศยุโรป โดยในวันนี้ ยูโรสแตทจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนส.ค.ของกลุ่มประเทศอียู ส่วนในวันพรุ่งนี้ อังกฤษจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ขณะที่ยูโรสแตทจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของกลุ่มประเทศอียู ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเบื้องต้นเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
-- นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่มีแนวโน้มจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยมีการคาดการณ์ว่า นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟดสายเหยี่ยว ซึ่งสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐกล่าวว่า เขาจะประกาศชื่อของว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้มีการพูดคุยกับบุคคล 4 คนเกี่ยวกับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นได้แก่ นางเยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน, นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด, นายเจโรม โพเวลล์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด และนายแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาของปธน.ทรัมป์ และเป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ