นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ได้กล่าวที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเขาเชื่อว่าอัตราว่างงานน่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 4% เพราะเมื่ออัตราว่างงานปรับตัวลงแล้วก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินเฟ้อและราคาสินทรัพย์ จนก่อให้เกิดความจำเป็นในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ประธานเฟดสาขาบอสตันเปิดเผยว่า เฟดกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะในแง่มุมหนึ่งนั้น ภวะเฟ้อที่ต่ำจำเป็นต้องมีนโยบายการเงินกระตุ้น แต่ขณะเดียวกัน อัตราว่างงานที่ปรับตัวลงก็ควรต้องมีการปรับนโยบายให้เข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ดี เขามองว่าเฟดควรประเมินจากอัตราว่างงานมากกว่าเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อที่ต่ำเป็นเพียงปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับกระแสคาดการณ์ในตลาดที่ว่า เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า โดยเฟดมีกำหนดการประชุมนโยบายครั้งต่อไปวันที่ 12-13 ธ.ค.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ได้คาดการณ์ไว้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน ในจำนวนนี้รวมถึงประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และประธานเฟดสาขาดัลลัส